18 ธ.ค. 2550

เชฟโรเลต สนับสนุนกิจกรรมค่ายอาสาฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


เชฟโรเลตสานต่อโครงการเชฟโรเลต พัฒนาการศึกษาไทย
ส่งแคปติวา สนับสนุนกิจกรรมค่ายอาสาฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสต


กรุงเทพฯ - เมื่อเร็วๆ นี้ ชาติชาย สุวรรณเสวก (กลางขวา) กรรมการอำนวยการบริหาร บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด สนับสนุนรถยนต์เชฟโรเลต แคปติวา ให้แก่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมพัฒนาการศึกษาเยาวชน ในโครงการค่ายอาสาศิลปศาสตร์ ณ โรงเรียนบ้านบัวขาว ตำบลทุ่งคอก อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ทั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์
ที่จะสร้างเสริมทักษะการเรียนรู้ด้านต่างๆ ของเยาวชน
ในชนบท อาทิ การให้ความรู้ในการใช้ห้องสมุด การส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน และการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เป็นต้น โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร. ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ (กลางซ้าย) คณบดีฯ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ บุญจิรา ถึงสุข (กลาง) เป็นผู้รับมอบ โดยการสนับสนุนดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “เชฟโรเลต พัฒนาการศึกษาไทย”

โครงการ “เชฟโรเลต พัฒนาการศึกษาไทย เริ่มดำเนินการตั้งแต่ ปี 2547 สำหรับกิจกรรมที่ผ่านมา เชฟโรเลตได้มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนทั่วประเทศกว่า 1 ล้านบาท จัดสร้างห้องสมุดสำหรับโรงเรียนระดับประถมศึกษาและชุมชนในถิ่นทุรกันดารกว่า 15 จังหวัดทั่วประเทศ และจัดสร้างห้องแล็บเทคโนโลยีสำหรับสถาบันอาชีวศึกษาชั้นนำในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย พร้อมมอบรถยนต์ อุปกรณ์ และเครื่องมือมาตรฐาน ควบคู่การฝึกอบรมความรู้ด้านยานยนต์ให้กับอาจารย์ของสถาบันนั้นๆ รวมมูลค่ากว่า 55 ล้านบาท


16 ธ.ค. 2550

กู๊ดเยียร์ Wrangler HP All-Weather ยางรีดน้ำ ที่ผสานความเงียบอย่างลงตัว



กู๊ดเยียร์ Wrangler HP All-Weather ยางรีดน้ำ ที่ผสานความเงียบอย่างลงตัว

บริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำยางในตระกูล Wrangler รุ่นใหม่ “Goodyear Wrangler HP All-Weather” ยางรีดน้ำสมรรถนะสูง สำหรับผู้ใช้รถยนต์ SUV และรถกระบะยกสูง 4X4 และ 4X2 ซึ่งรองรับการใช้งานบนทางเรียบได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเทคโนโลยี SmartTred Design ที่ออกแบบพื้นที่ตรงกลางของดอกยางให้ยึดเกาะถนนได้ดีในทุกสภาพการขับขี่ และทุกเส้นทางแม้ในยามที่เบรคกะทันหัน พร้อมด้วยร่องเล็กบนดอกยางแบบ 2 ทิศทาง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนทั้งในทางตรง และเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ Goodyear Wrangler HP All-Weather ยังผลิตจากเนื้อยางสูตรซิลิกาพิเศษ ช่วยเสริมสมรรถนะการยึดเกาะถนน และเสถียรภาพในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ไม่ว่าจะเป็นบนถนนแห้ง และถนนเปียก และช่วยให้การใช้งานทนทานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ด้วยลายดอกยางแบบ SilentBlock รวมถึงการมี เคฟลาร์ อยู่ภายในยางเป็นชั้นดูดซับเสียงพิเศษ ช่วยลดการเกิดเสียงในขณะรถวิ่งได้เป็นอย่างดี พบกับยาง Goodyear Wrangler HP All-Weather ที่โดดเด่นด้านสมรรถนะการรีดน้ำ ยึดเกาะถนนเปียก พร้อมกับให้การขับขี่นุ่มเงียบ และมั่นใจในความปลอดภัยได้ทุกเส้นทาง ได้ที่ศูนย์บริการกู๊ดเยียร์ อีเกิ้ลสโตร์ 75 สาขา และร้านค้าทั่วประเทศไทย

Chevy กับ ยานยนต์พลังงานทางเลือก


จีเอ็มนำโลกทะยานสู่ศตวรรษใหม่ กับยานยนต์พลังงานทางเลือก
เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยีแห่งผู้นำ


กรุงเทพฯ - มร. จอห์น ธอมสัน รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยความก้าวหน้า และความทุ่มเทของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ในการคิดค้นเทคโนโลยีการขับขี่แห่งอนาคต เพื่อนำโลกไปสู่ยุคแห่งยานยนต์ “ที่ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมัน” ระหว่างการสัมมนา ช่วง “อนาคตแห่งยานยนต์” ในงานแสดงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ และการประชุม สัมมนาแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 2 หรือ ANGVA 2007 (The 2nd Asia-Pacific National Gas for Vehicle Association Conference 2007) มร.ธอมสันเปิดเผยว่า ในโอกาสที่จีเอ็มกำลังก้าวเข้าสู่ 100 ปี ในปี พ.ศ. 2551 ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ จีเอ็มยังคงมุ่งมั่น ที่จะทำตามพันธสัญญาของการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการพึ่งพาน้ำมัน สืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่ยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปริมาณน้ำมันสำรองที่มีอยู่ไม่อาจรองรับความต้องการพลังงานของทั้งโลกได้ จีเอ็มตระหนักดีว่าอนาคตสำหรับเชื้อเพลิงทางเลือกนั้น คือทางออกของปัญหาการขาดแคลนน้ำมัน และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ด้วยความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ จีเอ็มจึงเร่งคิดค้นและพัฒนายานพาหนะที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้แหล่งพลังงานที่หลากหลายนอกเหนือไปจากน้ำมัน และหลาย ๆ เทคโนโลยีที่จีเอ็มพัฒนาขึ้นนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งพาน้ำมันเลยแม้แต่น้อย ขับเคลื่อนสู่อนาคตไปกับเทคโนโลยีล่าสุดจากจีเอ็ม ต่อข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแผนการจัดการอนาคตของยานยนต์ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลกของจีเอ็ม มร. ธอมสันกล่าวว่า “จีเอ็มมุ่งมั่นพัฒนาเครื่องยนต์ที่ให้ประสิทธิภาพในการเผาผลาญเชื้อเพลิงที่สมบูรณ์ทั้งในเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล โดยเฉพาะเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลนั้นกำลังอยู่ในช่วงเติบโตและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราสามารถเดินหน้าผลักดันเทคโนโลยีประหยัดพลังงานได้ต่อไป” รถยนต์ของจีเอ็มทุกคันที่ประกอบและจำหน่ายในประเทศไทยรวมทั้งทั่วภูมิภาคอาเซียน ล้วนใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์รุ่นล่าสุดที่ให้ประสิทธิภาพในการเผาผลาญเชื้อเพลิงที่สมบูรณ์ ผลที่ได้ก็คือการประหยัดเชื้อเพลิง และลดการปล่อยของเสีย เช่น เชฟโรเลต แคปติวา ซึ่งเสนอทางเลือกในการบริโภคอย่างคุ้มค่า และประหยัดพลังงานให้กับผู้ใช้รถด้วยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยได้รับค่ามาตรฐานควบคุมมลพิษ ถึงระดับ ยูโร 4 (EURO IV) ส่วนเครื่องยนต์ไฮบริดแบบ “สองระบบ” (Two-Mode) เครื่องยนต์ลูกผสมระหว่างพลังงานน้ำมันและพลังงานไฟฟ้า จัดเป็นเทคโนโลยีดาวเด่นแห่งการขับเคลื่อนที่ล้ำหน้าของจีเอ็มอีกตัวหนึ่ง ในสหรัฐอเมริกา จีเอ็มเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดถึง 4 รุ่น ในปีนี้ รวมถึงรถยนต์โดยสารส่วนบุคคลรุ่นแรกแห่งวงการที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดที่สามารถเผาผลาญเชื้อเพลิงได้อย่างเหมาะสมทั้งการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง ส่วนในระดับโลก จีเอ็มมีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดกว่า 16 รุ่นในอีก 4 ปีข้างหน้า หรือกล่าวได้ว่าจีเอ็มจะแนะนำรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดทุก ๆ ไตรมาสเลยทีเดียว นอกจากนี้ จีเอ็มกำลังลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงปิโตรเลียม โดยเพิ่มการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกอย่างเช่น อี 85 เอธานอล (E85 ethanol) “ในสหรัฐอเมริกาขณะนี้มีรถของจีเอ็มที่วิ่งด้วยเชื้อเพลิงแบบ E85 อยู่มากถึง 2 ล้าน 5 แสนคัน” มร.ธอมสันกล่าว “ในประเทศบราซิล รถยนต์ทั้งหมดของจีเอ็มที่ใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นระบบ เฟล็กซ์-ฟิวล์ Flex-Fuel ซึ่งสามารถใช้เชื้อเพลิงได้ทั้งแอลกอฮอล์ หรือเอธานอลเพียงอย่างเดียว และสำหรับประเทศไทย รถยนต์ทุกรุ่นของจีเอ็มสามารถใช้น้ำมันก๊าซโซฮอล์ได้เช่นกัน” ในอนาคต จีเอ็มยังคงทุ่มเทความพยายามเพื่อส่งรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนออกสู่ตลาดเพื่อเป็นการแก้ปัญหาพลังงานขาดแคลนในระยะยาว ด้วยการเปลี่ยนพลังงานเคมีระหว่างไฮโดรเจนกับออกซิเจนให้เป็นพลังงานไฟฟ้าทำให้รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนให้พลังงานที่สะอาดที่สุด เพราะแทบไม่ก่อมลพิษใด ๆ เลย ยนตรกรรมการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้านี้ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการใช้งานในชีวิตประจำวัน การขับเคลื่อน รวมทั้งความทนทานของระบบต่าง ๆ และเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จีเอ็มได้เปิดตัวโครงการ “Project Driveway” ซึ่งเป็นการทดลองตลาดของรถยนต์ ฟิวล์เซลล์ Fuel Cell ครั้งแรกที่ใหญ่ที่สุด โดยให้ผู้ขับขี่หลากหลายอาชีพ นำรถ เชฟโรเลต อีควิน็อกซ์ เอฟซีวี (Chevrolet Equinox Fuel Cell Vehicles) กว่า 100 คัน ไปใช้งานในพื้นที่ และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน เพื่อพิจารณาภาพรวมของสมรรถนะรถยนต์ และการเติมเชื้อเพลิงด้วยไฮโดรเจนในพื้นที่เศรษฐกิจ ทั้งในลอสแอนเจลีส และในเมืองใหญ่อย่าง นิวยอร์ค รวมถึงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งโครงการนี้คาดว่าจะช่วยให้จีเอ็มสามารถรวบรวมข้อคิดเห็นจากการใช้งานจริง รวมไปถึงพฤติกรรมการเติมไฮโดรเจนของผู้บริโภค และนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการพัฒนารถยนต์รวมถึงกำหนดแผนการตลาดสำหรับเทคโนโลยีนี้ในขั้นต่อไป ซีเอ็นจี (CNG) พลังงานทางเลือก คำตอบสำหรับประเทศไทย “เมื่อกล่าวถึงประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ตลาดยังเปิดกว้างอีกมากสำหรับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากเรายังมีแหล่งทรัพยากรไฮโดรคาร์บอนจำนวนมหาศาลในทะเลจีนใต้” มร.ธอมสันให้ข้อสังเกต ในปีที่ผ่านมา จีเอ็มเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่แนะนำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลด้วยเครื่องยนต์ใช้ก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจี (Compressed Natural Gas: CNG) นั่นคือ เชฟโรเลต ออพตร้า เอสเตท และออพตร้า ซีดาน เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ซึ่งสามารถเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเบนซินหรือก๊าซซีเอ็นจี ได้ตามต้องการเพียงแค่กดสวิตช์ ด้วยประสิทธิภาพและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ออพตร้า เอสเตท เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลคันแรกและคันเดียวในประเทศไทยที่ได้รับ “ฉลากเขียว” จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (สสท.) และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (สมอ.) และยังเป็นรถยนต์ที่ติดตั้งระบบซีเอ็นจีเพียงรุ่นเดียวในตลาดที่กล้าให้การรับประกันคุณภาพถึง 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร เพื่อยืนยันความมั่นใจถึงคุณภาพของระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจีอีกด้วย ซึ่งความสำเร็จของรถยนต์รุ่นนี้วัดได้จากการตอบรับเป็นอย่างดีของผู้ขับขี่ชาวไทย ด้วยยอดจองในงานบางกอกมอเตอร์โชว์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งกว่า 60% ของยอดจองออพตร้าทั้งหมดเป็นยอดจองของออพตร้า ซีเอ็นจี ด้วยคุณประโยชน์ที่เหนือกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง คือ ซีเอ็นจี เป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาดที่สุด และให้ค่าอ็อคเทนสูงกว่าน้ำมันเบนซิน ซีเอ็นจี ปลอดภัยและใช้งานง่าย พิจารณาได้จากอัตราการสึกกร่อนของเครื่องยนต์ และค่าบำรุงรักษาที่ต่ำ ซีเอ็นจี มีราคาที่ถูกกว่าน้ำมันมาก คือเพียงกิโลกรัมละ 8.50 บาท ถูกที่สุดในท้องตลาดเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงประเภทอื่น ๆ ในยุโรป จีเอ็มวางแผนที่จะผลิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงซีเอ็นจีราว 18,000 คันภายในปีนี้ เป็นการแสดงให้เห็น ความพยายามของจีเอ็มในการสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือกเพื่อลดการพึ่งพาการใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นไปตามพันธสัญญาของจีเอ็ม และเชฟโรเลตทั่วโลก ไม่เพียงเท่านี้ จีเอ็มยังได้เปิดตัวรถยนต์แห่งอนาคต อี-เฟล็กซ์ “E-Flex” ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อน โดยใช้เทคโนโลยีแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโครงข่ายระบบแผงส่งพลังงาน (Power Grid) ไฟฟ้าจากมอเตอร์ที่ทำงานด้วยพลังงานเชื้อเพลิงจากก๊าซซีเอ็นจี ไบโอเอทานอล หรือ น้ำมันเบนซิน อย่างเช่น เชฟโรเลต โวลท์ ซึ่งเปิดตัวที่ดีทรอยท์เมื่อเดือนมกราคม หรือพลังงานไฟฟ้าจากไฮโดรเจน เช่น เชฟโรเลต โวลท์ รุ่นที่ 2 ที่เปิดตัวในเซี่ยงไฮ้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา “เราเชื่อมั่นในศักยภาพของเรา ศักยภาพของผู้ผลิตรถยนต์หมายเลขหนึ่งของโลกที่จะสร้าง พัฒนา และยกระดับเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการมอบพลังงานสะอาด ให้แก่โลก และใช้พลังงานที่มีราคาไม่สูงจนเกินไป ที่จีเอ็ม เราได้เปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่แห่งการขับขี่ ‘อนาคตสีเขียว’ แห่งยานยนต์ได้เริ่มขึ้นแล้ว” มร.ธอมสันสรุป



ลูกค้าแห่จองรถมาสด้าล้นงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 13 ธันวาคม 2550บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยยอดการจองรถยนต์มาสด้าภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 24 ด้วยยอดจองสูงเกือบ 800 คัน หลังประกาศความพร้อมรถยนต์มาสด้า3 สามารถรับเงื่อนไขเดียวกับ E20 ทันที และพร้อมส่งรถให้ลูกค้าทันทีโดยไม่ต้องรอหลังวันที่ 1 มกราคมปีหน้า

มร. จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รถยนต์มาสด้าได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ด้วยยอดการจองซื้อในงานมกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 24 ที่ผ่านมา มียอดจองรวมทั้งสิ้น 768 คัน โดยเฉพาะรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 ยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องมียอดจองสูงสุด 531 คัน รถสปอร์ตโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลก มียอดจองสูงถึง 11 คัน และในส่วนของรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 มียอดจองรวมทั้งสิ้น 226 คัน และที่สำคัญรถสปอร์ตปิคอัพรุ่นพิเศษ เซอิโกะ ได้ถูกจองไปหมดแล้ว นอกจากนี้มาสด้าเตรียมส่งรถมาสด้าทุกรุ่นให้กับลูกค้าทันที

สำหรับยอดการจำหน่ายรถมาสด้ารวม 11 เดือนปี 2550 (มกราคม-พฤศจิกายน) มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างงดงามเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยยอดการจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 13,507 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 2.4 เปอร์เซ็นต์ มีอัตราการเติบโตลดลงเล็กน้อยเพียง 5.6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยยอดขายแบ่งออกเป็นรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 ทำยอดขายสูงสุดจำนวน 10,656 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 3.2% โดยยอดจำหน่ายกว่า 70% เป็นรุ่น “ฟรีสไตล์แค็บ” หรือ “บานเปิดแค็บ” รถยนต์นั่งสปอร์ตแห่งยุคมาสด้า3 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้ความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก มียอดขายจำนวนทั้งสิ้น 2,820 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึง 5.3 เปอร์เซ็นต์ และรถยนต์ประเภทพรีเมียมคาร์ ซึ่งประกอบไปด้วยรถสปอร์ตโรดสเตอร์ Mazda MX-5 และรถสปอร์ต 4 ที่นั่ง Mazda RX-8 เครื่องยนต์โรตารี จำนวนทั้งสิ้น 31 คัน

สำหรับลูกค้ามาสด้า3 จะได้รับสิทธิประโยชน์ทันทีจากการส่งเสริมการใช้ E20 โดยไม่ต้องรอถึงมกราคมปีหน้า หลังจากที่ภาครัฐประกาศปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต สำหรับรถยนต์ที่สามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป มาสด้าจะเริ่มจำหน่ายรถยนต์มาสด้า3 ทุกรุ่นภายใต้เงื่อนไขเช่นเดียวกับ E20 นับตั้งแต่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 24 เป็นต้นไปและที่โชว์รูมมาสด้าทั้ง 90 แห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนการใช้แก๊สโซฮอล์ และส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดภาวะโลกร้อน

ดังนั้นลูกค้ามาสด้าทุกท่านไม่ควรพลาดโอกาสการในการเป็นเจ้ายานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตจากมาสด้า ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ที่เร้าใจ สมรรถนะเป็นเยี่ยม ให้ความมั่นใจในความปลอดภัย อบอุ่นใจตลอดการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษจากมาสด้า สำหรับรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 รับเงื่อนไขเดียวกันกับ E20 และรับรถได้ทันทีโดยไม่ต้องรอหลังวันที่ 1 มกราคมปีหน้า พร้อมรับประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี และสำหรับรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 มาสด้าใจดีเติมน้ำมันให้ฟรี 1 ปี มูลค่า 45,000 บาท พร้อมรับประชันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี และรถสปอร์ตโรดสเตอร์มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 รับประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี ฟรีค่าบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร โอกาสเดียวเท่านั้นหมดเขตภายวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้เท่านั้น ทังนี้รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นยังรับประกันถึง 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมสิทธิพิเศษบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง หรือ "24 Hrs Mazda Roadside Assistance" สร้างความอุ่นใจตลอดการเดินทาง




เชฟโรเลตจัดกิจกรรมกระชับมิตรลูกค้าฟลีท


เชฟโรเลตจัดกิจกรรมกระชับมิตรลูกค้าฟลีท

กรุงเทพฯ –มร.จอห์น ธอมสัน รองประธานฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด และบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ลูกค้าองค์กร เพื่อขอบคุณลูกค้าฟลีททุกหน่วยงาน ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน ที่ให้ความไว้วางใจในคุณภาพและบริการของเชฟโรเลต

บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มเจาะตลาดลูกค้าองค์กรในประเทศไทย เมื่อปี 2547 ภายในระยะเวลาเพียง 4 ปี บริษัทฯ ได้จำหน่ายรถฟลีทให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนมากกว่า 200 องค์กร

มร.ธอมสัน ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการแข่งขันในตลาดรถฟลีทว่ามีแนวโน้มการเติบโตสูง เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ นิยมจัดหารถยนต์ที่สวยงามหรูหรา พร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ครบครันสำหรับอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริหาร ขณะเดียวกันก็จัดซื้อรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูง เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอย สอดคล้องกับลักษณะธุรกิจ เพื่อเป็นสวัสดิการกลางสำหรับพนักงานมากขึ้น

“ลูกค้าองค์กรจะพิจารณาความคุ้มค่าและวัตถุประสงค์การใช้งานเป็นหลัก และเลือกซื้อรถที่มีคุณภาพดี สมรรถนะสูง มีบริการหลังการขายรวมถึงเครือข่ายศูนย์บริการที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้เองที่ผลักดันให้เชฟโรเลต ได้รับความไว้วางใจจากหลากหลายหน่วยงาน จนก้าวสู่อีกขั้นแห่งความสำเร็จได้ในทุกวันนี้” มร.ธอมสัน กล่าวเสริม

เจนเนอรัล มอเตอร์ส และเชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย มีเจตนารมณ์แน่วแน่ในการสนับสนุนลูกค้าฟลีทอย่างต่อเนื่อง และเพื่อสร้างความอุ่นใจแก่ผู้ขับขี่ พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่นที่ลูกค้าองค์กรมีต่อบริการหลังการขายของบริษัทฯ จีเอ็มและเชฟโรเลต จึงเพิ่มเม็ดเงินลงทุนด้านบริการซ่อมบำรุงและจัดหาอะไหล่สำรอง โดยฝึกอบรมช่างเทคนิคให้มีความเชี่ยวชาญแม่นยำ ตามมาตรฐานอันเป็นหนึ่งเดียวของช่างเทคนิคเชฟโรเลตทั่วโลก ซึ่งพร้อมให้บริการซ่อมบำรุงทั้งในศูนย์บริการเชฟโรเลต และนอกสถานที่ เมื่อผู้ขับขี่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ภายใต้โครงการ เชฟวี่ โมบาย เซอร์วิส (Chevy Mobile service) นอกจากนี้ จีเอ็มและเชฟโรเลต ได้ขยายขีดความสามารถของคลังอะไหล่แห่งที่สองของประเทศไทยในจังหวัดอยุธยา ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ของคลังอะไหล่ในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถจัดหาอะไหล่ให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

จากภาพ:

มร.จอห์น ธอมสัน (ที่ 4 จากซ้าย) รองประธานฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด และบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ลูกค้าองค์กร ซึ่งจัดขึ้นเพื่อขอบคุณในแรงสนับสนุนจากลูกค้าฟลีททุกหน่วยงาน ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน ที่ได้ให้ความไว้วางใจในคุณภาพและบริการของเชฟโรเลต

12 ธ.ค. 2550

พริตตี้ มีหน้าที่หลากหลาย







พริตตี้ กับสินค้า โดยเฉพาะวงการรถยนต์ เครื่องเสียงรถยนต์นั้นมีบทบาทสำคัญมาก

พวกเธอทั้งหลาย ต้องยิ้มแย้ม แม้ว่าจะเบื่อหน่าย เมื่องานยืดเยื้อ

พริตตี้ที่เก่ง อาจไม่ต้องสวยเฉียบ แต่ต้องมีความรู้ในสินค้าที่ตัวเองรับผิดชอบ และต้องลืมชั่วคราวถึงความเป็นตัวตน

ต้องสำนึกถึงการประชาสัมพันธ์ที่ต้องมีไมตรี

ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค ปิคอัพไทยสร้างชื่อในอังกฤษ



ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค ปิคอัพไทยสร้างชื่อในอังกฤษ
คว้ารางวัลรถดับเบิลแค็บยอดเยี่ยมด้วยคุณภาพ ดีไซน์เท่โดนใจ

กรุงเทพฯ ประเทศไทย -- ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรคกระบะเมดอินไทยแลนด์ชนะใจนักขับ 4x4 ขาลุยในอังกฤษ ขึ้นแท่นรับรางวัลรถกระบะยอดเยี่ยมประเภทดับเบิลแค็บประจำปี 2008 จากนิตยสารดัง 4x4 & MPV Driver จากเครื่องยนต์ดูราทอร์กที่ทรงพลัง ความคล่องตัวสูง แข็งแกร่ง คุณภาพการดีไซน์ทันสมัย และความคุ้มค่าด้านราคา

นายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์และรถกระบะในอังกฤษเป็นตลาดที่มีความท้าทาย มีมาตรฐานอุตสาหกรรมที่สูง ดังนั้นการที่รถยนต์ที่ผลิตจากจากต่างประเทศจะได้รับการยอมรับจากผู้ใช้รถจนถึงกระทั่งได้รางวัลจากองค์กรที่เป็นกลางในอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หน่วยงานวี.พี.(Vehicle Personalization) ของฟอร์ดประจำภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่เป็นชาวไทย เป็นผู้พัฒนาฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค โดยใช้ผลวิจัยความต้องการของผู้บริโภคในอังกฤษและยุโรปที่จัดทำขึ้น เพื่อให้ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค เป็นรถกระบะที่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้รถและได้มาตรฐานยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์ สมรรถนะ และความลงตัวของฟังก์ชั่นการใช้งานในทุกด้าน ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรคได้รับรางวัลรถกระบะแบบดับเบิลแค็บยอดเยี่ยมประจำปี 2008 จาก 4x4 and MPV Driver นิตยสารชั้นนำของวงการรถขับเคลื่อน 4 ล้อ และรถอเนกประสงค์ของประเทศอังกฤษ

ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถกระบะ 1 ตันที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยที่ฟอร์ดมี โรงงานผลิตอยู่ในจังหวัดระยอง ที่ผลิตรถกระบะหนึ่งตันมาแล้วกว่า 1 ล้านคัน ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา ฟอร์ดมีการดำเนินงานสำหรับสร้างสรรค์รถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ที่ครบวงจร ที่เริ่มตั้งแต่พัฒนาผลิตภัณฑ์ จนถึงการผลิตที่ได้มาตรฐานนานาชาติ และมีการส่งออกอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันฟอร์ดสามารถผลิตรถยนต์คุณภาพระดับโลกเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก สำหรับการที่ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค รุกตลาดอังกฤษและยุโรปได้เป็นผลสำเร็จถือเป็นผลงานที่เราพอใจอย่างมาก

ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อพันธุ์แท้ แข็งแกร่งพร้อมลุยทุกสภาพถนนและการใช้งานเป็นรถรุ่นพิเศษที่ออกแบบและผลิตขึ้นในประเทศไทยในโอกาสฉลองครบ 1 ปีของการเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์โฉมใหม่ใหม่ ที่นำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดูราทอร์คดีเซลคอมมอนเรลความจุ 3 ลิตร มาใช้ โดยฟอร์ดนำรถรุ่นนี้ไปแนะนำในประเทศอังกฤษครั้งแรกเมื่อต้นปี 2550 นี้ และได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงทันทีจากผู้ขับขี่ชาวอังกฤษที่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะ ความแข็งแกร่ง ความอเนกประสงค์ และรูปลักษณ์มาดสปอร์ตเท่โดนใจ

มร. บ็อบ เมอเรย์ บรรณาธิการนิตยสาร 4x4 & MPV Driver กล่าวในพิธีมอบรางวัลว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค เป็นแชมป์ที่สมศักดิ์ศรีจริงๆ เพราะเครื่องยนต์ความจุ 3 ลิตรที่ทรงพลัง ดีไซน์มาดสปอร์ตที่ดูโฉบเฉี่ยว แข็งแกร่ง และให้ความคุ้มค่าคุ้มราคาสูงสุด

ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค คงเอกลักษณ์ของกระบะฟอร์ดเกิดมาแกร่งขนานแท้ มีรูปลักษณ์ที่สื่อถึงพละกำลังมหาศาล เสริมความบึกบึนด้วยชุดแต่งที่ออกแบบพิเศษติดตั้งมาจากโรงงานครบชุด ประกอบด้วยแร็คหลังคาทรงสปอร์ต สปอร์ตบาร์ดีไซน์เฉพาะ บาร์เสริมขอบกระบะเพิ่มความแข็งแกร่ง พื้นปูกระบะฟอร์ด คิ้วบันได สเตนเลสพร้อมสัญลักษณ์ WildTrak และตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ WildTrak ที่ขอบประตูและฝาท้ายเพิ่มลูกเล่นในสไตล์เท่ไม่ซ้ำใคร พร้อมสีพิเศษ Strato Blue (สตราโต บลู) และ Black Mica (แบล็ค ไมก้า) นอกจากนี้ ยังให้สัมผัสของความหรูหราด้วยเบาะหนัง กระจกไฟฟ้า แผ่นกันแครงค์ เครื่องเล่นซีดี 6 แผ่น เซ็นเซอร์ช่วยให้จอดรถได้ง่าย ระบบปรับอากาศคุณภาพเยี่ยม และอุปกรณ์เพื่อความสะดวกอีกมากมาย นอกเหนือคุณภาพและรูปโฉมโดดเด่นทั้งหมดฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค ยังตั้งราคาที่คุ้มค่าอีกด้วย

เครื่องยนต์ดูราทอร์คดีเซลคอมมอนเรลความจุ 3 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 156 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตรที่รอบต่ำเพียง 1800 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดที่ให้อัตราเร่งอย่างต่อเนื่องตลอดตั้งแต่เกียร์ 1 ถึงเกียร์ 5 ที่ให้ทั้งความสะดวกสบายสูงกับการใช้งานประจำวันในเมือง และลุยได้อย่างไร้ขีดจำกัดกับกิจกรรมท่องเที่ยวในวันพักผ่อนกับครอบครัว ทั้งยังโดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ Active-Shift-on-the-Fly ด้วยชุดเกียร์ทรานสเฟอร์จาก Borg Warner ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนระบบขับขี่จากแบบ 4x2 ไปเป็น 4x4 ได้เมื่อความเร็วไม่เกิน 100 ก.ม. ต่อชั่วโมง โดยไม่ต้องหยุดรถ

นายสาโรช กล่าวเสริมว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค เป็นรถกระบะพันธุ์แกร่งที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงในด้านคุณภาพระดับโลก และมีจำหน่ายในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เมื่อเร็วๆ นี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ก็ได้รับรางวัล ธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดหนึ่งตัน แบบสี่ประตู จากสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ บริษัท คัสต้อม เอเชีย จำกัด หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และบริษัทสื่อสากล จำกัด รางวัลดังกล่าว ตัดสินจากผลสำรวจความเห็นของผู้ใช้รถทั่วประเทศ 7,100 คนในด้านการซื้อขายรถยนต์ใหม่ การบริการหลังการขาย และความพึงพอใจในรถยนต์ใหม่ นับเป็นความสเร็จต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

ข้อมูลเกี่ยวกับฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี

ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี เป็นผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน โดยเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ชั้นนำให้แก่ตลาดต่างๆ กว่า 200 แห่ง บริษัทฯ มีพนักงานทั้งสิ้นประมาณ 260,000 คนและมีโรงงานประมาณ 100 แห่งทั่วโลก โดยเป็นผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำหลายแบรนด์ ได้แก่ ฟอร์ด, จากัวร์, แลนด์โรเวอร์, ลินคอล์น, มาสด้า, เมอร์คิวรี่ และ วอลโว่ รวมทั้งให้บริการสินเชื่อผ่านบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต

ผู้ที่สนใจสามารถเรียกดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้ที่เว็บไซต ์ www.ford.co.th

11 ธ.ค. 2550

Motor Expo 2007 มาตรวัด ชี้ชัดว่า 2008 เป็นปีแห่ง GPS ในรถยนต์
















เครื่องนำทาง GPS หลั่งไหลเข้ามาในตลาดคึกคักสุด ๆ เฉพาะงานนี้มีมาเปิดตัวหลากรูปแบบทั้ง เครื่องเล็ก เครื่องใหญ่ แยกเอกเทศ หรือรวมกับระบบเครื่องเสียงรถยนต์ หรือไม่ก็รวมอยู่ในคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลางระบบมัลติมีเดียในรถยนต์

ขอยืนยันว่า........

อีกไม่นานรถยนต์ปิคอัพไม่ยี่ห้อใดก็ยี่ห้อหนึ่งจะต้องมีอุปกรณ์นี้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน.....

ขอฟันธง !!

เครื่องเสียงรถยนต์ในงาน Motor Expo 2007 คึกคักสุด ๆ





















ทั้งร้านเล็กร้านใหญ่ต่างนำผลงานมาโชว์ เล่นเอาคุณผู้ชมตื่นตา ตื่นหู ชุ่มฉ่ำใจไปหลายวัน สินค้าระดับแนวหน้ามาแสดงเทคโนโลยีกันสุด ๆ พร้อมกับรับจองไปด้วย

17,000 คันในงาน Motor Expo 2007






ปิดฉากไปแล้วเมื่อวานนี้ กับยอดจองรถทั้งสิ้น 17,000 คัน

อันดับ ยี่ห้อ จำนวน(คัน)
1 โตโยต้า 5,074
2 อีซูซุ 2,552
3 ฮอนด้า 2,125
4 เชฟโรเลต 1,889
5 มิตซูบิชิ 1,220
6 โปรตอน 1,058
7 นิสสัน 1,000
8 มาสด้า 765
9 ฟอร์ด 477
10 ฮุนได 389

รถราคาแพง ๆ ขาดไม่ออกครับ