จีเอ็ม จับมือ เวอร์จินแอตแลนติค ใช้ เชฟโรเลต อีควิน็อกซ์ ฟิวเซล
รถพลังไฮโดรเจน มลพิษ 0% รับผู้โดยสารวีไอพีของสายการบินฯ
รถพลังไฮโดรเจน มลพิษ 0% รับผู้โดยสารวีไอพีของสายการบินฯ
นิวยอร์ค – สายการบินเวอร์จินแอตแลนติค เตรียมใช้รถ เชฟโรเลต อีควิน็อกซ์ ไฮโดรเจน ฟิวเซล 3 คัน ไว้บริการลูกค้า VIP ของสายการบิน ที่สนามบินลอส แองเจลิส (LAX) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “Project Driveway” โครงการทดลองใช้งานรถฟิวเซลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยใช้งานรถฟิวเซลกว่า 100 คัน ทั่วโลก
เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น พร้อมส่งรถยนต์ เชฟโรเลต อีควิน็อกซ์ ไฮโดรเจน ฟิวเซล (Chevrolet Equinox Hydrogen Fuel Cell) รถยนต์เซลเชื้อเพลิงพลังงานไฟฟ้า ที่ปลอดน้ำมัน ปลอดมลพิษ 100% จำนวน 3 คัน เพื่อให้สายการบิน เวอร์จิน แอตแลนติค ใช้เป็นรถ รับ-ส่ง ลูกค้าวีไอพี ที่สนามบินนานาชาติ ลอส แองเจลีส ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง 2 บริษัท โดยมี ดร.ลาร์รี่ เบิร์นส์ (Dr. Larry Burns) รองประธานฝ่ายวิจัยและพัฒนาวางแผนกลยุทธ์ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส พร้อมด้วย เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน ประธานบริษัท เวอร์จิน แอตแลนติค แอร์เวย์ จำกัด ร่วมกันเป็นประธานในงานแนะนำโครงการฯ ในมลรัฐนิวยอร์ค
รถยนต์ เชฟโรเลต อีควิน็อกซ์ ฟิวเซล 3 คันนี้ ถูกนำมาทดลองใช้งานจริงบนถนน ซึ่งเป็นก้าวแรกของการริเริ่มโครงการ “Project Driveway” ซึ่งเป็นโครงการทดลองการใช้งานจริงของรถยนต์ฟิวเซล โดยทางบริษัทเวอร์จิน จะได้ทดสอบการใช้งาน เชฟโรเลต อีควิน็อกซ์ ฟิวเซล ในชีวิตประจำวัน โดยมีกำหนดรับลูกค้า VIP ที่สนามบินแห่งนี้ เป็นเวลายาวนานถึง 30 เดือน
“Project Driveway” เป็นโครงการทดลองการใช้งานจริงสำหรับรถยนต์ฟิวเซล ครั้งใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะส่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ไฮโดรเจน ฟิวเซล ที่ปลอดมลพิษแบบ 100% เป็นจำนวนกว่า 100 คัน ไปบนถนนสายสำคัญๆ ของตลาดในสหรัฐอเมริกา และตลาดโลก
เชฟโรเลต อีควิน็อกซ์ ฟิวเซล ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจาก การทำปฏิกิริยาเคมีระหว่าง ไฮโดรเจน และ ออกซิเจน ผ่านชั้นของแผ่นเยื่อนำไฟฟ้าที่เรียกว่า Polymer Electrolyte ที่บรรจุซ้อนกันเป็นชั้นๆ ภายในเซลเชื้อเพลิง (ฟิวเซล) ซึ่งไฮโดรเจนเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด สะอาด และยังไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เพราะผลที่ได้จากปฏิกิริยาระหว่างไฮโดรเจนและออกซิเจนที่ออกมาจากปลายท่อไอเสียจะเป็นเพียงหยดน้ำบริสุทธิ์ ทำให้ อีควิน็อกซ์ ฟิวเซล เป็นรถที่ปลอดการใช้น้ำมัน ไร้มลพิษ โดยสิ้นเชิง การจับมือกันของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ ในสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ ยังช่วยสร้างจิตสำนึกสาธารณะชนต่อเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้มีการพัฒนาต่อเนื่องรุดหน้าต่อไป
“ผมต้องขอบคุณ เซอร์ ริชาร์ด ในโอกาสที่ให้จีเอ็มเข้ามาเป็นทีมเดียวกันกับเวอร์จิน” ดร.ลาร์รี่ เบิร์นส์ เกริ่นก่อนกล่าวต่อไปอีกว่า “จากประวัติด้านสิ่งแวดล้อมที่โดดเด่น และการให้ความไว้วางใจต่อสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ๆ ของเซอร์ ริชาร์ด จีเอ็มจึงเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกันครั้งนี้เป็นการร่วมลงนามครั้งสำคัญสำหรับเทคโนโลยียานยนต์พลังงานไฟฟ้าและฟิวเซล และเป็นช่องทางใหม่ที่สำคัญสำหรับการแนะนำรถยนต์สายพันธุ์ใหม่”
ส่วนทางด้าน เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน กล่าวว่า “ภารกิจของเราที่ต้องเป็นสายการบินที่มั่นคงนั้น มีความชัดเจนทั้งในการให้บริการภาคพื้นดินและทางอากาศ ซึ่งการได้ร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง เจนเนอรัล มอเตอร์ส แสดงให้เห็นว่า เราเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรรมการบิน เมื่อเราสามารถลดปริมาณมลพิษในทุกขั้นตอนของการเดินทางให้กับผู้โดยสารของเรา”
ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจน ฟิวเซล รุ่นที่ 4 ที่ จีเอ็ม พัฒนามาเป็นความจริงได้สำเร็จ ทำให้ รถพลังงานไฟฟ้า ฟิวเซลอย่าง อีควิน็อกซ์ เป็นรถข้ามสายพันธุ์ที่สามารถนำมาใช้งานได้จริง และในโครงการทดลองใช้งานรถฟิวเซล Project Driveway จะทำให้ผู้บริโภคย่านชานเมือง ในลอส แองเจลีส ในนิวยอร์ค และในวอร์ชิงตัน ดี.ซี.จะได้ทดลองขับรถฟิวเซลกว่า 100 คัน เป็นเวลา 3 เดือน พร้อมกับให้ความคิดเห็นจากการทดลองใช้งาน และประสบการณ์ที่ได้รับจากการใช้รถยนต์เชฟโรเลต ฟิวเซล ในครั้งนี้ด้วย ผู้ที่ได้ทดลองขับทุกๆ คน จะได้นำรถไปใช้งานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งรวมทั้งการเติมพลังงานไฮโดรเจน และการให้การรับประกันฟรีทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับ ความคิดเห็นอันมีค่าของทุกๆ คน ที่มีต่อการทดลองใช้งานรถยนต์ฟิวเซล ในโครงการ Project Driveway ครั้งนี้ ขณะเดียวกัน รถยนต์เชฟโรเลต ฟิวเซล บางส่วนจะถูกส่งไปให้ทดลองใช้งานในพื้นที่อื่นๆ ของโลก ด้วย เช่น ในเยอรมนี และในเอเซีย
นอกจากระบบพลังงานขับเคลื่อนที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงของรถพลังงานไฟฟ้าแล้ว ในด้านของรูปทรงและสมรรถนะการขับขี่ของ อีควิน็อกซ์ ฟิวเซล นั้นเหมือนกับ เชฟวี่ อีควิน็อกซ์ ทั่วไปที่มีจำหน่ายในตลาดปัจจุบันมาก ระบบเซลล์เชื้อเพลิงนั้นสามารถวางลงไปในห้องเครื่องยนต์ได้พอดี ส่วนชุดแบตเตอรีแร่เงิน ไฮไดรด์ ที่ทำหน้าที่สำรองพลังงานที่ได้จากการแปลงไฟของระบบเบรกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบปฎิบัติการและส่งกำลังให้กับการทำอัตราเร่ง ถูกซ่อนเอาไว้ในพื้นกลางตัวรถ ขณะที่ถังแรงดันพิเศษ 3 ถังสำหรับการบรรจุก๊าซไฮโดรเจนนั้น ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความแข็งแกร่งและทนแรงดันได้ถึง 10,000 ปอนด์ ต่อ ตารางนิ้ว ถูกเก็บไว้ใต้ที่นั่งเบาะหลังและส่วนกระโปรงท้าย สำหรับระยะทางการใช้งาน อีควิน็อกซ์ ฟิวเซล เมื่อมีเชื้อเพลิงเต็มถังนั้นสามารถวิ่งได้เป็นระยะทาง 150 ไมล์ หรือ ประมาณ 240 กิโลเมตร
ส่วนการออกแบบภายนอกของ เชฟโรเลต อีควิน็อกซ์ ฟิวเซล ด้านหน้าใช้แผงกระจังหน้าแนวนอนทรงสปอร์ตของเชฟโรเลต พร้อมมีสกูปดักลมพิเศษที่ 2 มุม ชายล่างกันชนหน้า ส่วนด้านหลังใต้กันชนได้รับการออกแบบท่อไอเสียใหม่ ให้เป็นช่องสี่เหลี่ยมแนวตั้งบางๆ 4 ท่อ ซึ่งทั้ง 4 ท่อ จะไม่มีไอเสียออกมา แต่จะเป็นไอน้ำที่สะอาดและไร้มลพิษ การออกแบบท่อไอเสียแบบใหม่ให้โดดเด่นเช่นนี้ เพื่อให้ผู้ที่พบเห็นสามารถรู้ได้ทันทีว่ารถอีควิน็อกซ์คันนี้ไม่ได้มีระบบเผาไหม้เหมือนอีควิน็อกซ์ทั่วๆ ไป
นอกจากนี้ อีควิน็อกซ์ ฟิวเซล ยังมีระบบความปลอดภัยมาตรฐานอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัยคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และม่านนิรภัย ระบบเบรก ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (StabiliTrak) และระบบสื่อสารให้ความช่วยเหลือผ่านดาวเทียม OnStar
จากภาพ
เซอร์ ริชาร์ด แบรนซัน (ซ้าย) ประธานสายการบิน เวอร์จิน แอตแลนติค กับ ดร.ลาร์รี เบิร์นส์ รองประธานฝ่ายวิจัยและพัฒนาการวางแผนกลยุทธ์ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส มาร่วมแนะนำโครงการการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เชฟโรเลต อีควิน็อกซ์ ไฮโดรเจน ฟิวเซล เป็นรถรับ-ส่ง ผู้โดยสารระดับวีไอพี ให้กับสายการบินเวอร์จิน แอตแลนติค ในสนามบินนานาชาติ ลอส แอนเจลีส โดยการแถลงข่าวมีขึ้นที่เมืองนิวยอร์ก ท่ามกลางสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการเริ่มต้นทดลองใช้งานจริง รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ปลอดการใช้น้ำมัน ปลอดมลพิษแบบ 100% ครั้งใหญ่ที่สุดในโลก ใช้รถฟิวเซลทดลองกว่า 100 คัน ในโครงการ Project Driveway