กรุงเทพฯ – เมอร์เซเดส-เบนซ์ส่งสุดยอดแห่งยนตรกรรมระดับแฟล็กชิพ “the new generation S-Class” สู่ตลาด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถหรู
ยนตรกรรม S-Class โฉมปัจจุบัน รหัสตัวถัง W 221 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2005 ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายทั่วโลกกว่า 270,000 คัน ทำให้ S-Class เป็นรถหรูที่ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งต่อยอดความสำเร็จมาจากรุ่น 220 ในปี 1951 ในปีนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์นำเสนอ the new generation S-Class ให้เป็นต้นแบบแห่งสุดยอดยนตรกรรมหรูระดับพรีเมี่ยมที่โดดเด่นทั้งด้านสมรรถนะ เทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่เป็นเลิศ นวัตกรรมอันล้ำสมัยที่ให้ความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสาร และยังเป็นยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
The new generation S-Class มาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ซึ่งมีทั้งเบนซินและดีเซลที่นอกจากจะเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่แล้ว ยังมีประสทธิภาพในการประหยัดน้ำมันที่เป็นเยี่ยม นอกจากนี้เจนเนอเรชั่นที่ 9 ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ S-Class ยังได้บุกเบิกนวัตกรรมและเทคโนโลยีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบเซ็นเซอร์ที่รายล้อมตัวรถ รวมทั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์และ Intelligent partner ระบบช่วยเหลือในการขับขี่แบบอัตโนมัติต่างๆอีกมากมาย ที่จะปกป้องผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง ทั้งยังสามารถเพลิดเพลินไปกับอุปกรณ์ความบันเทิงที่สร้างสรรค์มาเป็นพิเศษ the new generation S-Class จึงเป็นผู้นำของยนตรกรรมหรู ในทุกๆด้าน
เครื่องยนต์ทรงพลังทั้งเบนซินและดีเซล
ในปี 2010 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์นำเสนอ “the new generation S-Class” พร้อมกันถึง 3 รุ่น ทั้งที่เป็นเครื่องยนต์แบบเบนซิน แบบวี 6 และ วี 8 และดีเซลคอมมอนเรล วี 6 ได้แก่ S 300 L, S 500 L และ S 350 CDI BlueEFFICIENCY L โดยเฉพาะรุ่นดีเซลเป็นแบบ BlueEFFICIENCY ที่ได้รับการปรับโครงสร้างของรถเพื่อเพิ่มแอโรไดนามิค หรือให้มีความลู่ลมมากที่สุด เพื่อให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ทำงานพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC รถรุ่นนี้สามารถลดปริมาณคาร์บอนไดอ๊อกไซค์ถึง 7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างไรก็ดี การปรับโครงสร้างของรถเพื่อเพิ่มแอโรไดนามิคครั้งนี้ ทำให้ลดเสียงดังจากการปะทะของลมมากขึ้น
S 300 L มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด V6 ปริมาตรกระบอกสูบ 2,997 ซีซี พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ให้แรงม้าสูงสุด 161 กิโลวัตต์ / 219 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 2,500 – 5,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 8.2 วินาที ให้ความเร็วสูงสุดที่ 245 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ย 10.8กม./ลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ย 219 กรัม/กม.
S 350 CDI BlueEFFICIENCY L มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด V6 ปริมาตรกระบอกสูบ 2,987 ซีซี พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ให้แรงม้าสูงสุด 155 กิโลวัตต์ / 211 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 540 นิวตันเมตรที่ 1,600–2,400 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0–100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 7.8 วินาที ให้ความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ย 12.9 กม./ลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ย 202 กรัม/กม.
S 500 L มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด V8 ปริมาตรกระบอกสูบ 5,462 ซีซี พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ให้แรงม้าสูงสุด 285 กิโลวัตต์ / 388 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตรที่ 2,800 – 4,800 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 5.4 วินาที ให้ความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ย 8.8 – 9.0 กม./ลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ย 260 กรัม/กม.
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ในยนตรกรรม S-Class
หนึ่งในมาตรฐานความปลอดภัย เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้พัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่เพื่อช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและได้เริ่มติดตั้งทั้งในยนตรกรรม E- และ S-Class ซึ่งระบบนี้จะทำงานเหมือนเป็นเพื่อนผู้ร่วมทางให้ผู้ขับขี่แบบชาญฉลาด รถเมอร์เซเดส-เบนซ์จึงสามารถทำหน้าที่ปกป้อง คือมอง “เห็น” และมีความ “รู้สึก” ในการตอบรับจากอันตรายหรืออุบัติเหตุต่างๆที่อาจเกิดขึ้นหรือให้เราได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
“เช่นเดียวกับการค้นพบนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น ABS, ESP®, Brake Assist และ PRE-SAFE®, เทคโนโลยีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่นี้ได้พัฒนาให้ทำงานสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง รวมถึงผลที่ตามมาหลังจากการเกิดอุบัติเหตุนั้นๆ” ศาสตราจารย์ ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) กล่าว “ระบบต่างๆ ที่วิศวกรของเราคิดค้นขึ้นมา เกิดจากความมุ่งมั่นที่จะป้องกันอุบัติเหตุในรูปแบบต่างมิให้เกิดขึ้น และไม่เพียงแต่จะปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่อยู่ในรถยนต์ S-Class เท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่นๆ อีกด้วย” ศ. ดร. เพาฟเลอร์ กล่าวเสริม
The new generation S-Class ยังประกอบไปด้วยนวัตกรรมอันล้ำสมัยเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร อันประกอบด้วย ATTENTION ASSIST ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ นวัตกกรรมใหม่ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ทางไกล ขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็ว 80 – 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเซ็นเซอร์ภายในรถจะทำหน้าที่ตรวจสอบและวิเคราะห์ลักษณะการขับขี่ต่างๆ พร้อมทั้งส่งสัญญาณเสียงและภาพเตือนทันที Adaptive Highbeam Assist ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ยามค่ำคืนเป็นไปอย่างชัดเจนและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น Night View Assist Plus ระบบช่วยการมองเห็นยามค่ำคืน ประกอบด้วยเสงอินฟาเรดและกล้องขนาดเล็กเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการมองเห็นและลดอุปสรรคสำหรับการขับขี่ในเวลากลางคืน
นอกจากนี้ the new generation S-Class ยังประกอบด้วย COMAND APS ระบบมัลติมีเดียซึ่งควบคุมการทำงาน ให้ผู้โดยสารสามารถเข้าถึงทุกฟังค์ชั่นอย่างง่ายดายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ วิทยุ และเครื่องเล่นดีวีดีที่รองรับไฟล็เพลงแบบ MP3 หรือเลือกสั่งการทำงานโดยใช้เสียง ผ่านระบบ LINGUATRONIC ทั้งยังสามารถบันทึกเพลงโปรดในหน่วยความจำ ได้มากถึง 2,500 เพลง (MUSIC REGISTRATION) และจอภาพแสดงผลแบบ SPLITVIEW ซึ่งสามารถแสดงภาพสองมุมมองภายใต้จอแสดงผลเดียว เป็นครั้งแรกของโลกยานยนต์ ในการนำเทคโนโลยีชั้นสูงนี้มาใช้ ซึ่งในขณะที่ผู้ขับขี่อ่านแผนที่จากระบบ NAVIGATION ผู้โดยสารด้านหน้าก็สามารถชมภาพยนตร์จากเครื่องเล่นดีวีดีได้ นับเป็นเทคโนโลยีที่หรูหราสมฐานะในระดับ S-Class อย่างแท้จริง
The new generation S-Class มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่เพิ่มความโดดเด่นภูมิฐานและหรูหราด้วยโคมไฟคู่หน้าโฉมใหม่ไฟไบซีนอนเพิ่มหลอดไฟแบบ LED ที่ด้านล่าง ทำให้ส่องสว่างกว่าเดิมถึง 10 เท่า และทำงานควบคู่กับระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS – Intelligent Light System) กับระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย กันชนหน้าและหลังแบบใหม่มาพร้อมกับหลอด LED และไฟท้ายที่เพิ่มมุมมองแบบสปอร์ตขึ้นด้วยเทคโนโลยี LED ถึง 52 ดวงในรูป “C คู่” ที่ส่องสว่างไกล ให้รถที่ตามมาเห็นสัญญาณไฟได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในยามค่ำคืน
The new generation S-Class สนนราคาที่
S 300 L | 7,799,000 บาท |
S 350 CDI BlueEFFICIENCY L | 7,999,000 บาท |
S 500 L | 10,999,000 บาท |
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ the new generation S-Class ได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ