31 ต.ค. 2550

BENZ เปลี่ยนชื่อ




บริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ประกาศถึงการเปลี่ยนชื่อของบริษัทฯ จากเดิมเป็น
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

สำหรับการเปลี่ยนชื่อใหม่นี้เป็นผลสืบเนื่องจากการเปลี่ยนชื่อของบริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ เป็นเดมเลอร์ เอจี โดยจะยังคงใช้ชื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์ เฉพาะในตลาดที่มีตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ดังกล่าวเป็นหลัก และการเปลี่ยนชื่อดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 นี้เป็นต้นไป

สำหรับการเปลี่ยนชื่อบริษัทครั้งนี้ มร. โวล์ฟกัง ฮุบเพ็นบาวเออร์ ประธานบริหารบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้ให้ความเห็นว่า

“การที่เราได้ชื่อใหม่พร้อมทั้งโลโก้ใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์นั้นย่อมส่งผลให้สาธารณะชนทั่วไปมองเห็นภาพธุรกิจของเราได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการส่งเสริมทางด้านสื่อสารการตลาด ด้วยเหตุที่ชื่อบริษัทของเราบ่งบอกถึงความชัดเจนว่าเราจำหน่ายสินค้าใดสินค้าหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียวให้กับลูกค้าและ
เราก็จะมุ่งสู่อนาคตที่สดใส ด้วยเกียรติยศ และชื่อเสียงที่สืบเนื่องมาอย่างยาวนานของเรา” มร. ฮุบเพ็นบาวเออร์ กล่าว

และในการเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ ครั้งนี้ มีผลให้บริษัทฯ ดังต่อไปนี้ได้รับการเปลี่ยนชื่อตามไปด้วย

· บริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปลี่ยนเป็น บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
เว็บไซต์ www.mercedes-benz.co.th

· บริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เปลี่ยนเป็น บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง
(ประเทศไทย) จำกัด

โชว์ New Ford Focus เครื่องยนต์ดีเซล DURATORQ TDCi



ฟอร์ด ประเทศไทย ชวนไปดู
ความเร้าใจล่าสุดของวงการรถยนต์เมืองไทย
New Ford Focus
สุดยอดยนตกรรมเยอรมัน
ครั้งแรกในเมืองไทยกับเครื่องยนต์ดีเซล DURATORQ
TDCi


วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา10.30 - 15.30น.
ณ มอเตอร์สปอร์ต แลนด์ (แดนเนรมิตเดิม -เยื้องเซ็นทรัลลาดพร้าว)

สัมผัสประสบการณ์สุดมันส์ที่จะโชว์สมรรถนะและขุมพลังของ 'New Ford Focus'
เจ้าของแชมป์ WRC 2 ปีซ้อน โดย Mikko Hirvonen นักแข่งแถวหน้าของโลก
จากทีมฟอร์ด ในสนามเวิล์ด แรลลี่ แชมเปี้ยนชิพ

และที่สำคัญ..เตรียมตัวให้พร้อมกับการลงสนามทดสอบสมรรถนะของ 'New Ford Focus' อย่างเต็มพิกัด
และกระทบไหล่มิกโก เฮอร์โวเนน สุดยอดนักแข่งรถจากทีมฟอร์ด

พร้อมด้วยผู้บริหารฟอร์ดที่มาร่วมลงสนาม ได้แก่
- คุณสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย
- คุณเคย์ ฮาร์ท รองประธานฝ่ายการตลาด
- คุณดวงกมล อิศรพันธุ์ ผู้อำนวยการฝายสื่อสารองค์กร
- คุณเชษฐา ศรีกาญจนเพริศ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ฟอร์ด โฟกัส

“ กรุงเก่า เสือภูเขา ” ครั้งที่ 5 ในวันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 25


วันที่ 7-16 ธันวาคม 2550 นี้ ขอเชิญท่องเที่ยวที่เมืองมรดกโลก


จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ หน่วยงานทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน กำหนดจัดงาน
“ ยอยศยิ่งฟ้า อยุธยามรดกโลกและงานกาชาด ประจำปี 2550 ” ในระหว่างวันที่ 7-16 ธันวาคม 2550 (รวม 10 วัน) ณ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
กรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานีเก่าแห่งราชอาณาจักรไทยมานานถึง 417 ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครองแผ่นดิน 33 พระองค์ ได้มีการสั่งสมทางวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาจนเกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทางอารยธรรมที่มีคุณค่าสืบต่อมา และได้กลายเป็นรากฐานของประเทศไทย และวิถีชีวิตคนไทยจนทุกวันนี้ และด้วยความโดดเด่นของอารยธรรมของกรุงศรีอยุธยานั้น จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รับการประกาศขึ้นเป็น “ เมืองมรดกโลก ” ทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2534 นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งของชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงได้มีงานเฉลิมฉลองขึ้นเป็นประจำทุก ๆ ปี กิจกรรมที่สำคัญมากมาย ประกอบด้วย การแสดงแสง เสียงและสื่อผสม เรื่อง กรุงศรีอยุธยา สถิตฟ้าจาฤกดิน ณ บริเวณวัดมหาธาตุ การจำลองบรรยายกาศตลาดย้อนยุค การออกร้านจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ของดี 16 อำเภอ งานออกร้านกาชาด มหกรรมอิ่มอร่อย การแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีและเอกลักษณ์ และได้เพิ่มการจัดกิจกรรมที่สำคัญได้แก่ การประกวดพระเครื่อง ประกวดนางสาวอยุธยา กิจกรรมร่มบิน การออกบูธของส่วนราชการ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีรถไฟเล็กไว้คอยบริการ
นางณิตยา อ่วมพิทยา ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภาคกลางเขต 6 ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและผู้สนใจมาท่องเที่ยวในงาน “ ยอยศยิ่งฟ้า อยุธยามรดกโลกและ
งานกาชาด ประจำปี 2550 ” โดยเริ่มพิธีเปิดงานในวันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม ศกนี้ สำหรับบัตรชมการแสดง
แสง สี เสียง มีจำหน่ายดังนี้ ราคา 200 บาท และ 500 บาท ติดต่อซื้อบัตรได้ที่ Thai Ticket Master หรือ ปกครองท้องถิ่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร 035-336564 และเสมียนตราจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร 035-336563 หรือ Thai Ticket Master ทุกสาขา ที่ www.thaiticketmajor.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา (ศาลากลางหลังเก่า) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภาคกลางเขต 6 โทร 035-322730-1 (ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ) และสายด่วนท่องเที่ยว โทร 1672

*********************************

ขอเชิญร่วมงานแข่งขันจักรยาน “ กรุงเก่า เสือภูเขา ” ครั้งที่ 5 ในวันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2550

สมาคมกีฬากรุงเก่า การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา การท่องเที่ยวประเทศไทย ภาคกลางเขต 6 (พระนครศรีอยุธยา) อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ชมรมวิ่งอยุธยา 35
และชมรมจักรยาน พี เอส สปอร์ต อยุธยา , กำหนดจัดทำโครงการแข่งขันจักรยาน “ กรุงเก่าเสือภูเขา ” ครั้งที่ 5 ในวันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2550 ณ บริเวณด้านหน้าศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา (ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า) โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพดีถ้วนหน้า พลานามัยแข็งแรง โดยใช้กีฬาเป็นสื่อ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกด้วย
การแข่งขันแบ่งเป็นรุ่นตามอายุ ตั้งแต่อายุ 10 ปี ถึง 50 ปี ขึ้นไป ระยะทางการแข่งขัน 10-30 กิโลเมตร โดยเส้นทางการแข่งขันจะผ่านสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในอุทยานประวัติศาสตร์ และสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์
นางณิตยา อ่วมพิทยา ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภาคกลางเขต 6 (อยุธยา) ขอเชิญชวนผู้สนใจและประชาชน รวมทั้งเยาวชนได้เข้าร่วมโครงการแข่งขันจักรยานกรุงเก่า เสือภูเขา ผู้ที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันสามารถสมัคร และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ชมรมจักรยาน P.S SPORT. อยุธยา โทร 035-242785 , 212475 , 081-8534782 , 081-8052563 , 081-7047299 , 081-4885209 , 087-1151690 และศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา (ศาลากลางหลังเก่า) ททท.สำนักงานภาคกลางเขต 6 (อยุธยา) ถนนศรีสรรเพชญ์ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร 035-322730-1  
***********************************

โครงการท่องโลกเรียนรู้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี : Campus Tour
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ร่วมกับ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา รังสิต สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดปทุมธานี โดยการสนับสนุนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภาคกลาง เขต 6 (อยุธยา) กำหนดจัดโครงการท่องโลกเรียนรู้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี : Campus Tour โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดปทุมธานีที่เป็นแหล่งเรียนรู้ และควรค่าแก่การศึกษา ได้แก่ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา รังสิต ที่มีท้องฟ้าจำลองที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งสนับสนุนให้นักศึกษาได้มีประสบการณ์ตรงในการนำความรู้ต่างๆ เผยแพร่ให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาร่วมโครงการ Campus Tour ในครั้งนี้
รายการนำเที่ยวท่องโลกเรียนรู้ กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี : Campus Tour จัดเป็นประจำทุก
วันเสาร์–อาทิตย์แรกของเดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 3–4 พฤศจิกายน และ 1-2 ธันวาคม 2500 เป็นต้นไป กำหนดการ ดังนี้
เวลา 08.30 น. ลงทะเบียนและรับจักรยาน เพื่อขี่จักรยานชมพันธุ์บัวนานาชนิดทั้งไทยและต่างประเทศ ชมพันธุ์บัวชนะเลิศการประกวดบัวโลก “มังคลอุบล” ณ พิพิธภัณฑ์บัว ในโครงการอนุรักษ์พันธุ์กรรมพืชอันเนื่องมาจากพระดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อการอนุรักษ์สายพันธุ์บัว
เวลา 09.15 – 11.45 น. ก้าวสู่โลกวิทยาศาสตร์ ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษารังสิต และศึกษาดาราศาสตร์จากการชมท้องฟ้าจำลองที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เวลา 12.00 – 13.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารครัวพวงชมพู
เวลา 13.00 – 16.00 น. กิจกรรมท่องโลกเรียนรู้กับทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โดยเลือกกิจกรรมเรียนรู้ ได้แก่
เทคนิคการขยายพันธุ์บัว การทำเบียร์วุ้นทันใจ การทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
นางณิตยา อ่วมพิทยา ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภาคกลาง เขต 6 (อยุธยา)
ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวผู้สนใจและครอบครัวได้ใช้เวลาว่างในวันหยุดให้เป็นประโยชน์โดยการร่วมกิจกรรม Campus Tour ของสถาบันการศึกษาดังกล่าว ที่นอกจากจะได้รับความรู้ต่าง ๆ แล้วยังเป็นการออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยานชมทัศนียภาพในบริเวณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นการปลุกกระแสให้เกิดการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ และลดปัญหาโลกร้อน
ติดต่อจองทัวร์ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สาขาวิชาการท่องเที่ยว คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ถ.รังสิต – นครนายก กม.ที่ 13 ต.คลองหก อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 12110 โทร. 02 – 5494968-9 หรือ 081 – 4922675 , 089-9128086 , 084-118-4637 ในวันและเวลาราชการ หรือ สอบถามข้อมูลได้ที่ ศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา (ศาลากลางหลังเก่า) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภาคกลาง เขต 6 (อยุธยา) โทร. 035 – 322730 - 1

ทดสอบประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่อง Mobil Super Turbospeed

บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทน้ำมันและปิโตรเคมีชั้นนำของโลก และผู้นำผลิตภัณฑ์หล่อลื่นสำหรับยานยนต์ จัดงานโรดโชว์ ‘สุดยอดพลังแกร่งทั่วไทย’ สำหรับผู้ใช้รถกระบะ ช่างเครื่องยนต์ และผู้สนใจทั่วไป ในวันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2550 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ณ. ลานจอดรถโรบินสัน รัชดา ถ.รัชดาภิเษก

ภายในงานท่านจะได้ชมการทดสอบประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่อง Mobil Super Turbospeed ในห้อง ปฏิบัติการจำลอง Mobil Laboratory พร้อมร่วมพูดคุยประสบการณ์การใช้รถ และการดูแลรักษาเครื่องยนต์ กับคุณดอม เหตระกูล, คุณชมพู่ อารยา เอฮาเก็ต และช่างเล็ก สุดยอดแฟนพันธุ์แท้รถมือสอง พร้อมพบกิจกรรมอันหลากหลายในงาน ทั้งการประกวดแต่งรถกะบะ เกมส์รถบังคับวิทยุ มุมเด็ก บู๊ทเกม และลุ้นรับของรางวัลมากมาย

30 ต.ค. 2550

พริตตี้ ในงานแฟซิฟิก มอเตอร์โชว์ (1)





แปซิฟิค มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 10







สุดยอดมหกรรมยานยนต์แห่งภาคตะวันออก
คาดมีเงินสะพัดกว่า 450 ล้านบาท 


กรุงเทพฯ วันที่ 17 ตุลาคม 2550 : แปซิฟิค พาร์คฯ ลุยจัดงานใหญ่แห่งปี “สุดยอดมหกรรมยานยนต์แห่งภาคตะวันออก แปซิฟิค มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 10” จับมือ 13 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ ลดราคาเป็นพิเศษ พร้อมโปรโมชั่น ลด แจก แถม สุดคุ้มค่า ค่ายเบ็นซ์รามคำแหง นำ Benz New C-Class 2008 เปิดโฉม คาดว่ามีเงินสะพัด 450 ล้านบาท รับเศรษฐกิจไทยโต 5 %

นายสมบูรณ์ วรปัญญาสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะจัดงานสุดยอดมหกรรมยานยนต์แห่งภาคตะวันออก “แปซิฟิค มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 10” (10th Pacific Motor Show) ขึ้น ณ บริเวณศูนย์การค้าแปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2550 โดยในโอกาสครบรอบ 1 ทศวรรษของการจัดงาน บริษัทฯ ได้เตรียมเนรมิตบรรยากาศในงาน “แปซิฟิค มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 10” มีความยิ่งใหญ่ และมีไฮไลท์ที่น่าสนใจภายในงานมากมาย ซึ่งในปีนี้ มีรถยนต์ค่ายยักษ์ใหญ่ทั้งยุโรปและญี่ปุ่นให้ความสนใจเข้าร่วมแสดงงานรวม 13 ค่าย ได้แก่ เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู โตโยต้า อีซูซุมาสด้า ฮอนด้า เชฟโรเลต มิตซูบิชิ ฟอร์ด ซูซูกิ นิสสัน ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ และรถนำเข้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีเพียง 11 ค่าย อีกทั้ง ยังมีรถจักรยานยนต์ที่เข้าร่วมแสดงครั้งนี้ 2 ค่าย คือ ยามาฮ่า และฮอนด้า นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานจะได้สัมผัสกับรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะมาอวดโฉมในงานนี้ อาทิ The New C-Class โฉมใหม่ล่าสุดของปี 2008 ฯลฯ

ความโดดเด่นที่จะเรียกความสนใจจากผู้เข้าชมงานในครั้งนี้คือ การแสดงสุดยอดเทคโนโลยีและความก้าว หน้าทางด้านยนตรกรรมใหม่ล่าสุด ซึ่งประกอบด้วยการแสดงบูธรถยนต์จากค่ายรถยนต์ต่างๆ รถจักรยาน - ยนต์ เครื่องเสียงรถยนต์ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ อุปกรณ์ออฟโรด อุปกรณ์ตกแต่งและประดับยนต์ต่าง ๆ การโชว์รถแต่ง รถซิ่ง การโชว์รถเครื่องเสียง รวมไปถึงการแสดงโชว์พิเศษที่น่าสนใจ ตลอดทั้ง 9 วันของการจัดงาน ได้แก่ กิจกรรมรวมพลคนรักรถคลาสิค Japan Retro Car Parth ที่จะจัดแสดงอวดโฉม จำนวนอย่างน้อย 50 คัน นิทรรศการ NGV จาก ปตท. การรวมพลรถพลังเสียงครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี พร้อมแดนเซอร์สุดเซ็กซี่ และกิจกรรมการประกวด Miss Pacific Motor Show 2007 ในวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2550 ณ เวทีชั้น 1 โดยผู้ชนะเลิศตำแหน่ง Miss Pacific Motor Show 2007 ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาทพร้อม

มงกุฎและสายสะพาย ส่วนรองอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมสายสะพาย และรองอันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมสายสะพาย

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมบันเทิงที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ Sexy Party Dance จาก Slim Pub, มินิคอนเสิร์ตจาก 3 ศิลปิน สาวสุดฮอต Alize, I-Mobile OIC Delivery Concert พบกับ ไอซ์ ศรัณยู เอ็ม อรรถพล โอ๊ค สมิทธ์ HANG MAN แม็กซ์ และศิลปินกลุ่ม OIC, วงดนตรี Boom rock Music Contest vol.3, ตลกคณะร็อกข้าวปุ้น และพบกับ 7 สาวสุดเซ็กซี่ Miss Maxim Thailand 2007” นายสมบูรณ์กล่าว และให้รายละเอียดว่า

แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศจะชะลอตัว แต่ในปีหน้ามีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น 4 – 5 % โดยเฉพาะเศรษฐกิจภาคตะวันออกมีการขยายตัวด้านการค้าการลงทุนเพิ่ม จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของประชาชนในพื้นที่มากนัก ทำให้มั่นใจว่า การจัดงาน แปซิฟิค มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 10 จะยังคงได้รับความสนใจจากประชาชนที่อยู่ในพื้นที่และเขตจังหวัดใกล้เคียง เดินทางมาร่วมชมและจองรถยนต์ภายงานไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา คือ 4 แสนคน และมีเงินสะพัดในงานกว่า 450 ล้านบาท”

สำหรับ ศูนย์การค้า แปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา อยู่ภายใต้การบริหารงานของ แปซิฟิค พาร์ค กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการศรีราชานคร ประกอบด้วย อาคารพาณิชย์ โรงพยาบาล และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ในพื้นที่อำเภอศรีราชา ซึ่ง ศูนย์การค้า แปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา ถือเป็นศูนย์กลางในการจัดงานขนาดใหญ่และมีความทันสมัยของภูมิภาคตะวันออก ซึ่งมีศักยภาพรองรับคนได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้ง ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ร้านค้าแฟชั่นชั้นนำ ศูนย์อาหาร และร้านอาหารชั้นนำ ฯลฯ อย่างครบครัน โดยได้ใช้พื้นที่ในการจัดงานสุดยอดมหกรรมยานยนต์แห่งภาคตะวันออก แปซิฟิค มอเตอร์โชว์ ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 10 แล้ว นายสมบูรณ์กล่าวสรุปในที่สุด

นางสาวไทย 2550 กับ CHEVY CAPTIVA


เชฟโรเลตมอบ แคปติวา ให้นางสาวไทยคนล่าสุด


บรรยายภาพ ชาติชาย สุวรรณเสวก กรรมการอำนวยการบริหาร (กลาง) บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์เอเซีย โอเปอเรชันส์ จำกัด มอบรถยนต์ เชฟโรเลต แคปติวา สีแดงทอร์เนดเรด (Tornade Red) เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร มูลค่า 1.56 ล้านบาท (หนึ่งล้านห้าแสนหกหมื่นบาทถ้วน) ให้กับนางสาวอังคณา ตรีรัตนาทิพย์ (ซ้าย) นางสาวไทยคนที่ 43 ล่าสุดจากการประกวดนางสาวไทยประจำปี 2550 “งามล้ำค่า กัลยาเทอดแผ่นดิน” ที่จัดขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา

เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย และ เชฟโรเลต ร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมไทย โดยมอบรถยนต์ เชฟโรเลต แคปติวา สีแดงทอร์เนดเรด เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร มูลค่า 1.56 ล้านบาท เพื่อเป็นรางวัลสำหรับนางสาวไทย ในการประกวดนางสาวไทยประจำปี 2550 พร้อมทั้งส่งรถยนต์แคปติวา อีก 10 คันร่วมสนับสนุนกิจกรรมของกองประกวด รวมไปถึงเป็นพาหนะสำหรับผู้เข้าประกวดทั้ง 18 คนในระหว่างการทำกิจกรรมต่าง ๆ

“ตามที่การประกวดนางสาวไทยในปีนี้ซึ่งทางผู้จัดฯ ได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “งามล้ำค่า กัลยาเทอดแผ่นดิน” โดยเป็นการร่วมเทอดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุครบ 80 พรรษา และยังได้นำกระแสพระราชดำริเรื่องการปลูกต้นไม้เพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรมรณรงค์ปลุกจิตสำนึกให้คนไทยได้ร่วมช่วยกันแก้ไขปัญหาโลกร้อน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของจีเอ็ม และเชฟโรเลตทั่วโลก ในการรักษาสภาวะแวดล้อมของโลก ดังจะเห็นได้จากการที่เราได้พัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกเพื่อลดการพึ่งพาการใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงอันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน รวมไปถึงการพัฒนาเครื่องยนต์ในรถของเราให้ผ่านค่ามาตรฐานสูงสุดของการควบคุมมลพิษซึ่งเชฟโรเลต แคปติวา เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรรุ่นนี้ผ่านค่ามาตรฐานการควบคุมมลพิษของยุโรปที่เข้มงวด ยูโร 4 EURO IV ” ชาติชาย กล่าวสรุป

24 ต.ค. 2550

TOYOTA FORTUNER "SMART" By TRD Thailand













Fortuner Smart ตกแต่งพิเศษโดย TRD Thailand สีขาวคันนี้เป็นรถใหม่เอี่ยมทีมงานของเรารับจากโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยเพื่อเตรียมสร้างสรรค์กิจกรรมพิเศษรูปแบบใหม่  


นำมาพร้อมกับ Camry รุ่นท็อป เครื่อง วี-6 3.5 ลิตร
จากการออกภาคสนามได้ 3 วัน ที่ผ่านมาบนเส้นทางหลากหลาย พบว่าฟอร์จูนเนอร์รุ่นพิเศษโดย TRD ที่ตกแต่งอุปรณ์แอโรพาร์ตสวยงามรอบคัน มีบันไดข้าง เพื่อการก้าวขึ้นรถในสัดส่วนที่สูงขึ้นจากแมกขนาด 18 นิ้ว แม้ยางยังเป็นไตล์เรเดียล แต่ก็ทำให้สมาร์ตดูดีขึ้นมาก 

เมื่อขับเคียงข้างกับฟอร์จูนเนอร์ที่มีชุกชมทั่วประเทศพบว่า Smart สีขาวโดดเด่นจนพรรคพวกหันมาเมียงมอง

หากท่านใดครอบครองเป็นเจ้าของแล้วนำไปตกแต่งเพิ่มเติม เช่น เรื่องยางที่ดอกสวย ๆ หรือการใช้โช้คอัพแก๊สแบบปรับความหนืดได้หลายระดับจะทำให้การใช้งานทุกรูปแบบสุดยอดสมใจนึกเลยทีเดียว

เครื่องยนต์ 3.0 D4D คอมมอนเรล เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ให้พลังเหลือเฟือ 120 กิโลวัตต์(160 แรงม้า) เกียร์อัตโนมัติ พร้อมระบบเกียร์ทรานสเฟอร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ใช้คันเปลี่ยนแบบคลาสสิก ไม่ใช่ปุ่มกดปรับปรับจาก 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ ทำให้การขับขี่ควบคุม ดูเป็นรถออฟโรดแท้ และคงทนยาวนาน

ฟอร์จูนเนอร์สแตนดาร์ดเซ็ทช่วงล่างเป็นคอยสปริงทั้ง 4 ล้อ 

ช่วงล่างหลังแม้เป็นคานแข็ง แต่ก็มีกลไกช่วยสร้างความมั่นคงแบบโฟร์ลิ้งค์ใกล้เคียงรถระดับหรู

สิ่งที่ตามมาจากการเซ็ทช่วงล่างแบบนี้จากโรงงานคือนุ่มนวลมาก อาจส่งผลทำให้เกิดอาการวูบวาบบ้างในความเร็วสูงขึ้น หรือการเปลี่ยนเลน เนื่องจากความสูงเพิ่มขึ้น

แต่หากคุ้นเคยแล้วจะเดินทางได้อย่างมีความสุข

การตกแต่งภายในสุดยอด ละเอียดกกระเบียดนิ้ว เบาะหนังแท้หรูหรา ดูรายละเอียดจากเว็ปโตโยต้า ในส่วนของสเปกรุ่นSmart  มีอุปกรณ์มากรายการที่ตกแต่งโดย TRD จ้องมองใกล้ ๆ หาที่ติไม่ได้เลยฝีมือจริง ๆ ครับ

จากการขับมากว่า 700 กิโลเมตร ทั้งในทางออฟโรดเล็ก ๆ ที่ลานหินบริเวณสนามเมาเทนไบค์เขาอีโต้ปราจีนบุรีเมื่อไปสำรวจเส้นทาง พบว่าเกียร์ 4 โลว์ ปีนป่ายได้ความรู้สึกเหมือนรถ 4WD ของแท้ แม้ช่วงล่างจะเป็นสไตล์นุ่มนั่งสบาย แต่ก็สามารถสร้างความมั่นใจในการเดินทางทุกแห่งหนในเมืองไทยได้ดีกว่ารถขับ 2 ล้อ อย่างแน่นอน

ลองดูมาดเขาเอาว่าทั้งสวยงาม ทั้งบึกบึนแค่ไหน

20 ต.ค. 2550

วันอาทิตย์ 21 ตุลาคม 2550 เชิญปั่นจักรยาน"พอเพียง"

๒๑ ต.ค. ๒๕๕๐

ขอเชิญร่วมกิจกรรม 

"ปั่นตามรอยพ่อ พอเพียง" 

ในงาน 

"หนองจอกสามัคคี จักรยานรวมใจและเสือภูเขา เทิดพระเกียรติ ๘๐ พรรษา"

เวลา ๐๗.๐๐ น. สตาร์ตจาก ม.มหานคร สิ้นสุดการปั่นเทิดพระเกียรติที่ ร.ร.สุเหร่าบ้านเกาะ เขตหนองจอก กรุงเทพฯ

มีการแข่งเสือภูเขา ที่ ร.ร. สุเหร่าบ้านเกาะด้วย

งานนี้แค่มีจักรยานก็ลุยได้เลย 

คาดว่าจะมีนักปั่นทุกวัย ทุกประเภทเข้าร่วมเป็นพันคัน  

คอยดูภาพหลังงานนี้ ที่นี่  เราจะส่งนักข่าวไปลุยบันทึกประวัติศาสตร์มาให้ชื่นชมกัน

โดยเฉพาะทีม  BIKE LOVE นำโดยคุณเจี๊ยบแนวร่วมจักรยานของเราจะรวมกลุ่มกันที่ ถนนรามคำแหง หน้าร้านธนบุรีฯ

ถามด่วนได้ที่ 08-1447-3178 คุณเจี๊ยบ ครับ

งานนมัสการพระพุทธโสธร 21-30 พ.ย. 2550





๘๐’วัน ร่วมกันทำความดี
เที่ยวเมืองแปดริ้ว ชมงานประเพณี เรียนรู้วิถีชุมชน ทำบุญเสริมมงคลชีวิต

งานนมัสการพระพุทธโสธรและงานกาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา
วันที่ 21 - 30 พฤศจิกายน 2550 ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร และหน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา


แม่น้ำบางปะกงแหล่งชีวิต พระศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อโสธร พระยาศรีสุนทรปราชญ์ภาษาไทย อ่างฤาไนป่าสมบูรณ์” สัมผัสความจริงดั่งคำขวัญ ททท.ขอเชิญเดินทางท่องเที่ยวเมืองแปดริ้ว
นายอานนท์ พรหมนารท ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า จังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมกับชาวแปดริ้วและกาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมใจจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ประจำปี “งานนมัสการพระพุทธโสธรและงานกาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา” วันที่ 21 - 30 พฤศจิกายน 2550 ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร และศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น รวมทั้งประเพณีลอยกระทงและการท่องเที่ยวของจังหวัดฉะเชิงเทรา จัดหารายได้ในการดำเนินกิจกรรมสาธารณกุศลและสาธารณประโยชน์ด้านต่าง ๆ ของจังหวัดฉะเชิงเทรา
หลวงพ่อพุทธโสธร พระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านเมืองแปดริ้ว ประดิษฐาน ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร พระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ ฝีมือช่างล้านช้าง รูปทรงสวยงามมาก แต่พระสงฆ์เกรงว่าจะมีผู้มาลักพาไปจึงได้เอาปูนพอกเสริมองค์เดิมจนมีลักษณะดังที่เห็นในปัจจุบัน ผู้คนให้ความศรัทธาเดินทางมานมัสการเป็นจำนวนมาก ด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความศรัทธาในองค์ของหลวงพ่อพุทธโสธร อย่างเช่นเมื่อ ปี พ.ศ.2433 เกิดโรคฝีดาษระบาดไปทั่ว ชาวแปดริ้วจึงได้บนบานต่อหลวงพ่อพุทธโสธรขอให้หายจากโรค และคำอธิษฐานก็เป็นจริง ส่งผลให้ชาวบ้านเพิ่มความศรัทธาและได้จัดพิธีสมโภชน์จนเป็นประเพณีสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน สำหรับงานเทศกาลกลางเดือนสิบสองหรืองานนมัสการหลวงพ่อพุทธโสธร กำหนดจัดงานในวันขึ้น 12 ค่ำถึงแรม 1 ค่ำ เดือนสิบสองเป็นประจำทุกปี มีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ
- ชมขบวนแห่หลวงพ่อพุทธโสธรทางน้ำอย่างยิ่งใหญ่ตามเส้นทางแม่น้ำบางปะกง สักการะองค์หลวงพ่อพุทธโสธรฯ ตามจุดจอดเทียบท่าของขบวนเรือที่เคลื่อนผ่าน
ขบวนแรก วันที่ 23 พฤศจิกายน 2550 มุ่งหน้าไปทางอำเภอบ้านโพธิ์ เคลื่อนออกจากท่าน้ำวัดโสธร ฯ และจอดเทียบท่าตามจุดต่าง ๆ ได้แก่ ท่าน้ำวัดประศาสน์โสภณ (วัดบางกรูด), ท่าน้ำวัดผาณิตาราม, ท่าน้ำตลาดโรงสีล่าง, ท่าน้ำโรงสีรัตนสมบัติ (ชุมชนประตูน้ำท่าถั่ว), ท่าน้ำอำเภอบ้านโพธิ์, ท่าน้ำสนามกอล์ฟบางปะกงฯ
ขบวนที่สอง วันที่ 24 พฤศจิกายน 2550 มุ่งหน้าไปทางอำเภอบางคล้า เคลื่อนออกจากท่าน้ำวัดโสธร ฯ และจอดเทียบท่าตามจุดต่าง ๆ ได้แก่ ท่าน้ำตลาดบ้านใหม่, ท่าน้ำโรงต้มกลั่น, ท่าน้ำวัดสายชล ณ รังสี, ท่าน้ำวัดจุกเฌอ, ท่าน้ำวัดสาวชะโงก,ท่าน้ำวัดใหม่บางคล้า, ท่าน้ำวัดสามร่ม, ท่าน้ำวัดคุ้งกร่าง, ท่าน้ำที่ว่าการอำเภอบางคล้า
จุดที่จอดเทียบทุกจุดจะจัดตั้งโต๊ะหมู่บูชา และเปิดให้ประชาชนกราบไหว้หลวงพ่อพุทธโสธร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
- ชมการแข่งเรือยาวประเพณี ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วย 55, 40, 30, 12 ฝีพาย พร้อมทั้งรับชมการแข่งขันเรือหางยาวและการแข่งขันเจ็ทสกี ณ ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง หน้าวัดโสธรฯ
- เลือกซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของดีเมืองแปดริ้ว และการออกร้านกาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา ชมนิทรรศการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งชมการแสดงของเหล่าศิลปินดารา นักร้อง นักแสดงชื่อดัง และการแสดงมหกรรมดนตรีไทย/นาฎศิลป์ ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด
นางสาวเบญจวรรณ สุเนตรวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 8 กล่าวว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายน เป็นเดือนเทศกาลท่องเที่ยวของจังหวัดฉะเชิงเทรา นักท่องเที่ยวมีวันว่างเพียง 2 วัน 1 คืน ก็สามารถแวะเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยว พักกายพักใจท่องเที่ยวได้อย่างสบายทั้งประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่ายและได้พักผ่อนกับครอบครัว
สำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 8 ขอแนะนำตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืน เริ่มต้นการเดินทางออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ แวะตลาดคลองสวน 100 ปี ตลาด 2 จังหวัด ที่ ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา และ ต.คลองสวน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เดินเที่ยวตลาดเก่า เลือกสรรอาหารเช้าที่ปรุงใหม่ ๆ รสชาติอร่อย ชมวิถีชีวิตชุมชนที่ยังคงดำเนินชีวิตเหมือนหลาย ๆ สิบปีที่ผ่านมา ที่ยังคงมีมนต์เสน่ห์ให้ชาวเราได้เดินทางไปสัมผัส

ขับรถมุ่งหน้าไปยัง ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เช่าเรือประมงชมโลมาและแหล่งเพาะเลี้ยงปลากะพงบริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง และรอบเกาะธรรมชาติท่าข้ามชมนกน้ำนานาชนิด ก่อนจะรับประทานอาหารกลางวันด้วยเมนูเด่น “ปลากะพงราดพริก–ผัดฉ่าปลาดุกทะเล–ปลากะพงราดน้ำปลา”
หลังอาหารกลางวันใช้เวลาประมาณ 30 นาทีขับรถมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองฉะเชิงเทรา แวะนมัสการหลวงพ่อพุทธโสธร องค์จริง ในพระอุโบสถหลังใหม่มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท พร้อมของแถมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ คือเที่ยวชม “งานนมัสการพระพุทธโสธรและงานกาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา (21-30 พฤศจิกายน) และงานลอยกระทง ย้อนเวลา หาวิถีไทย (22-24 พฤศจิกายน) งานลอยกระทงที่จัดอย่างสวยงาม ร่วมลอยกระทงบูชาพระแม่คงคาที่ริมฝั่งแม่น้ำ บางปะกงหนึ่งในสายน้ำศักดิ์สิทธิ์ของประเทศไทย”
ยามค่ำคืนหลังจากเดินทางมาท่องเที่ยวหลายชั่วโมง สำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 8 ขอเชิญแวะพักที่โรงแรม และรีสอร์ทในเมืองแปดริ้วที่มีให้เลือกหลากบรรยากาศหลายราคา
เช้าวันรุ่งขึ้นเริ่มต้นการเดินทางท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมล่องเรือชมแม่น้ำบางปะกง ลงเรือที่ท่าเรือวัดโสธรฯ ฟังเรื่องเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์แห่งลุ่มน้ำบางปะกง ชมพระอุโบสถหลังงามจากใจกลางแม่น้ำบางปะกงเก็บภาพเป็นที่ระลึก ก่อนจะแล่นเรือต่อไปชม ตลาดโบราณ “ตลาดบ้านใหม่” พิพิธภัณฑ์แห่งชีวิต ชุมชนไทย-จีนริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง เลือกอาหารมื้อกลางวัน เช่น ปลาก๋วยเตี๋ยว, กุ๋ยช่ายที่มีผักมากกว่าแป้ง, กุ้งเผา, ไอศกรีม (ไข่กี้), ผลไม้แปรรูป และสักการะขอพรเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ที่วัดจีนประชาสโมสร หากมีเวลาเหลือแวะวัดอุภัยภาติการาม ทำบุญบูรณะองค์พระหลวงพ่อโต 1 ใน 3 องค์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ช่วงบ่ายของวันที่สอง จากตัวเมืองแปดริ้วมุ่งหน้าไปยังอำเภอพนมสารคาม แวะเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์มีชีวิตและทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ ณ “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” เลือกซื้อของฝากของดีเมืองแปดริ้วก่อนจะเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

การเดินทาง
รถยนต์ จากกรุงเทพ ฯ เดินทางได้ 3 เส้นทาง คือ ใช้ถนนหมายเลข 304 มีนบุรี – ฉะเชิงเทรา หรือ ใช้ถนนหมายเลข 34 บางนา – ตราด เลี้ยวเข้าถนนหมายเลข 314 สายบางปะกง – ฉะเชิงเทรา หรือ ใช้ถนนหมายเลข 3 สมุทรปราการ – บางปะกง ต่อด้วยถนนหมายเลข 314 บางปะกง – ฉะเชิงเทรา หรือ ใช้ถนนสายมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ ฯ – พัทยา เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 314 บางปะกง – ฉะเชิงเทรา
รถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพ ฯ มีรถประจำทางออกจาก 2 สถานี ได้แก่ สถานีขนส่งสายเหนือ (ถนนกำแพงเพชร 2) และ สถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย)
รถไฟ จากสถานีรถไฟกรุงเทพ ฯ(หัวลำโพง) มีขบวนรถไฟมาฉะเชิงเทราทุกวัน เที่ยวแรก 05.10 น. เที่ยวสุดท้าย 17.25 น.

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- ประชาสัมพันธ์จังหวัดฉะเชิงเทรา โทร.0-3881-4383
- สำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 8 โทร.0-3731-2282, 0-3731-2284, 1672 และ www.tat8.com

ดันยอดผู้ใช้แก๊สโซฮอล

กระทรวงพลังงานผนึกกำลังบริษัทรถยนต์/รถจักรยานยนต์
ดันยอดใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


กระทรวงพลังงาน สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ร่วมแถลงผลสำเร็จจากการดำเนินโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ “มั่นใจ ใช้ได้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์” ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์/รถจักรยานยนต์ ผู้ค้าน้ำมัน ตลอดจนสื่อมวลชน ในการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนให้หันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้เตรียมขยายผลสู่ภูมิภาคทั่วประเทศ โดยให้ช่างเทคนิค เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการรถยนต์/รถจักรยานยนต์เป็นหัวหอกสร้างความเชื่อมั่นในการเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์

ดร. ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า “โครงการ มั่นใจ ใช้ได้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ คือส่วนหนึ่งของนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมพลังงานทดแทนของกระทรวงพลังงานที่มีดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมชัดเจน มีการออกมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ ทั้งการส่งเสริมด้านความพร้อมของวัตถุดิบและการผลิต การควบคุมมาตรฐานคุณภาพน้ำมันแก๊สโซฮอล์ มาตรการจูงใจด้านราคา ควบคู่กับการจัดกิจกรรมรณรงค์และการประชาสัมพันธ์โดยใช้สื่อต่าง ๆ อย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นปี 2550 ที่ผ่านมา

การรณรงค์ส่งเสริมที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ เห็นได้จากยอดจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆ เดือน โดยยอดจำหน่ายต่อวันเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาสูงถึงระดับกว่า 5.2 ล้านลิตรต่อวันแล้ว เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์เฉลี่ยต่อวันเมื่อปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3.5 ล้านลิตรต่อวัน ถือว่าเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 49%

ในช่วงที่ผ่านมา อัตราการใช้น้ำมันเบนซินในประเทศไทยมีการเพิ่มขึ้นประมาณ 3% เนื่องจากราคาน้ำมันยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ประชาชนใช้น้ำมันอย่างประหยัดและหันมาใช้พลังงานทดแทน เช่น น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และเอ็นจีวี มีผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันไม่เพิ่มขึ้นสูงตามที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยภายในสิ้นปี 2550 จะผลักดันยอดการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ขึ้นไปถึงระดับ 8 ล้านลิตรต่อวัน หรือมีอัตราการเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วถึง 129% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงและน่าพอใจ

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้ประกาศปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลงจากเดิม 90 สตางค์ต่อลิตร เป็น 70 สตางค์ต่อลิตร และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 จาก 40 สตางค์ต่อลิตรเป็น 20 สตางค์ต่อลิตร เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านการตลาด และจูงใจให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันหันมาจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์แทนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น”

นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กล่าวว่า “ทางสมาคมฯ ได้สนับสนุนโครงการรณรงค์ส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อย่างเต็มที่ โดยได้มีการประสานงานขอความร่วมมือจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในการติดสติ๊กเกอร์ที่ฝาถังน้ำมัน และในคู่มือการใช้งานรถใหม่ ว่าสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้ โดยบางบริษัทได้มีการติดสติ๊กเกอร์บนฝาถังน้ำมันและมีการระบุในสมุดคู่มืออยู่แล้ว และหลายบริษัทก็กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการอยู่ ดังนั้น จึงขอให้ผู้ใช้รถยนต์และจักรยานยนต์ป้ายแดงมีความมั่นใจในการเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ตั้งแต่ครั้งแรก

นอกจากนั้น ยังได้ประสานงานกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ในการจัดส่งเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์บริการเข้าร่วมการอบรม “มองมุมใหม่ ช่างมั่นใจ น้ำมันแก๊สโซฮอล์” ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทยเพื่อเสริมความรู้ทางเทคนิคเกี่ยวกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ กิจกรรมนี้ประสบความสำเร็จและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าอบรมทั้งสิ้นกว่า 300 คน จาก 14 ค่ายรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ประกอบด้วย โตโยต้า, ฮอนด้า, นิสสัน, ฟอร์ด, มิตซูบิชิ, เชฟโรเล็ต, บีเอ็มดับบลิว, เมอร์เซเดส-เบนซ์, แลนด์โรเวอร์ และวอลโว่ และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า, ยามาฮ่า, คาวาซากิ และซูซูกิ ตลอดจนศูนย์บริการรถยนต์ บี-ควิก และ โปรเซิร์ฟ”

นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “การจัดอบรม “มองมุมใหม่ ช่างมั่นใจ น้ำมันแก๊สโซฮอล์” มีความมุ่งหวังให้เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการรถยนต์ช่วยเผยแพร่และถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์แก่ประชาชนให้เกิดความเชื่อมั่นและหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อย่างกว้างขวางมากขึ้น และสมาคมผู้สื่อข่าวฯ พร้อมให้ความร่วมมือจัดวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญทดสอบรถยนต์เข้าร่วมเป็นวิทยากรในการอบรม เพื่อให้กิจกรรมที่มีประโยชน์นี้ แพร่หลายและขยายวงให้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป”

โครงการ “มั่นใจ ใช้ได้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์” เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของกระทรวงพลังงานในการส่งเสริมการพัฒนาน้ำมันแก๊สโซฮอล์อย่างต่อเนื่องในระยะยาว มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์เป็นพลังงานทดแทนบนพื้นฐานของความเข้าใจที่ถูกต้องและเล็งเห็นประโยชน์ที่แท้จริง ทั้งในแง่ความเชื่อมั่นในคุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ การประหยัดเงินค่าน้ำมัน ตลอดจนช่วยประเทศไทยลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ และช่วยสนับสนุนเกษตรกร

กิจกรรมที่กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการและให้การสนับสนุนภายใต้โครงการ “มั่นใจ ใช้ได้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์” ประกอบด้วย การประชาสัมพันธ์ร่วมกับค่ายรถยนต์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 28 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา การรณรงค์และเผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างครบวงจร และต่อเนื่องทั้งโทรทัศน์ วิทยุ สื่อกลางแจ้ง สื่อสิ่งพิมพ์ ตลอดจนทางสื่ออีเล็กทรอนิกส์ และอินเตอร์เน็ท การสนับสนุนเพื่อจัดการทดสอบรถยนต์เปรียบเทียบคุณสมบัติน้ำมันแก๊สโซฮอล์และน้ำมันเบนซินร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและสื่อมวลชน การจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์รณรงค์การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ณ ทำเนียบรัฐบาลเป็นการสานต่อนโยบายสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ในภาคราชการ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน โดยได้รับเกียรติจากนายกรัฐมนตรีมาเป็นผู้นำในการรณรงค์ และการจัดกิจกรรมรณรงค์การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ในส่วนภูมิภาคต่างๆ

MOTORAZR™ maxx V6 Ferrari Challenge


โมโตโรล่าอวดโฉม MOTORAZR™ maxx V6 Ferrari Challenge รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น

แฟนเฟอร์รารีมีเฮ เมื่อ โมโตโรล่า เผยโฉม ‘MOTORAZR™ maxx V6 Ferrari Challenge’ นวัตกรรมโทรศัพท์มือถือรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่ออกแบบภายใต้ความร่วมมือกับแบรนด์รถสปอร์ต ”เฟอร์รารี” มากับคุณสมบัติรองรับระบบสื่อสารไร้สาย HSDPA เพื่อความสามารถในการโอนถ่ายข้อมูลด้วยความเร็วสูง พร้อมด้วยรายละเอียดลูกเล่นสุดเร้าใจ อาทิ โลโก้เฟอร์รารีบนฝาปิดด้านบน เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ขนาดแปดสูบของ Ferrari F1 เมื่อเปิดและปิดเครื่อง ภาพเครื่องยนต์ Ferrari F430 บนหน้าจอด้านนอก โลโก้เฟอร์รารีสีเหลืองสดบนพื้นหลังสีเทาที่หน้าจอด้านใน แกลเลอรี่ภาพของ Ferrari F430 และจากสนามแข่งกว่า 30 ภาพภายในตัวเครื่อง พร้อมกับซองใส่โทรศัพท์หนังแฮนด์เมดสีแดงสวยหรู จำหน่ายที่ร้านโมโตช้อป ทุกสาขา ร้านทีดับบลิวแซด ร้านเทเลวิซ ราคาเครื่องละ 18,900 บาท

น้ำมันดิบ แพง น้ำมันดีเซล เบนซิน อาจถึงลิตรละ 50 บาท

เมื่อน้ำมันลิตรละ 50 บาท !!

อีกไม่นานราคาน้ำมันอาจจะขยับถึงลิตรละ 50 บาท !!

วงการอุตสาหกรรมทุกชนิดที่ต้องพึงพิงพลังงานจากน้ำมันดิบ อาจจะล่มสลายได้ ในเมื่อวัตถุดิบที่จะนำมาทดแทนมันไม่ได้โตในวันสองวัน ไม่ว่าจะเป็นต้นสบู่ดำที่สามารถนำมาทำไบโอดีเซลได้โดยตรง น้ำมันปาล์มที่มีอยู่ก็คงทดแทนได้บางส่วน ไม่ต้องพูดถึงน้ำมันจากเมล็ดยางพาราที่บีบคั้นออกมาได้ในปริมาณไม่มาก

น้ำมันจากซากพืช ซากสัตว์ทุกชนิดที่สะสมเป็นน้ำมันดิบใต้ผิวโลกต้องรอเวลาอีกเป็นล้าน ๆ ปี ภายใต้สภาวะต่าง ๆ ที่เหมาะสม

เมื่อรอไม่ได้ก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการใช้พลังงาน ตลอดถึงใช้แหล่งพลังงานอื่นที่เหมาะสม และจำกัดจำเขี่ย
สุดท้ายแล้วคนเราก็ต้องขอยังชีพให้รอดไว้ก่อน ขอให้อิ่มท้องก่อน เรื่องการเดินทาง การขนส่ง แม้ต้องกลับสู่ยุคเก่า ๆ ใช้ม้า ใช้สัตว์ลากจูงเท่าที่หาได้ ก็อาจจำเป็นต้องทำกัน

ประเทศไทยยังโชคดี ตามต่างจังหวัดยังเห็นวัวควายชุกชุม โดยเฉพาะควายนั้นได้รับการส่งเสริมให้พัฒนาสายพันธุ์ให้ตัวโตขึ้น หลังจากที่แคระแกรนไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากชาวบ้านนำไปขายทำเป็นลูกชิ้นโดยไม่เก็บพ่อพันธุ์ดี ๆ ไว้

ควายอาจจะกลับมาไถนาแทนรถแทร็กเตอร์อีกครั้ง
ต่อไปนี้การใช้รถเท่าที่จำเป็นคือสิ่งที่ควรทำ 

เลือกซื้อรถที่เหมาะสมกับงานเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด รถเล็ก ๆ สำหรับงานเล็ก ๆ การเดินทางในทางเรียบในชีวิตประจำวันก็ไม่ต้องซื้อรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้สิ้นเปลือง

รถที่มีอยู่หากยังใช้ได้ดี ก็ใช้ไปก่อน รอดูมาดราคาน้ำมันสักพัก

…ใช้รถขนส่งมวลชนแบบใหม่ ๆ บ้างก็ดี ไม่ว่ารถไฟลอยฟ้า รถไฟใต้ดิน รถเมล์ปรับอากาศรุ่นใหม่ ๆ ที่ใช้แก๊สรูปร่างสวยงามมาก ก็น่าใช้เดินทาง อาจช้าบ้าง ยุ่งยากในการต่อรถบ้างสักพักก็จะชินไปเอง

องอาจ วังซ้าย


ไปชิมไวน์ที่โชว์รูมเปอโยต์ ถนนสุรวงศ์









เมื่ิอคืนวานนี้ 18 ตุลาคม 2550 มีภาระกิจเอนเตอร์เทนสไตล์ที่แตกต่างสุดขั้ว 2 ประการ

ประการแรกบ่ายสี่โมงครึ่งไปที่ชั้น 5 สยามพารากอน ไปดูรอบแรกมายากล มิกกี้เมาท์ กับทีมงานการ์ตูน ของแท้ บริษัท อีซูซุ ชวนไปลดอายุลง 50 ปี ก็ดีครับ เป็นการเล่นกลแบบสนุกสนานสไตล์การ์ตูน ๆ ที่คนจริง ๆ ใส่ชุดดาราวอลดิสนี้ย์บรรยายไทย สำเนียงตัวการ์ตูนที่คุ้นเคย

เด็ก เล็ก ๆ และเด็กโข่ง เชิญไปชมได้  งานนี้ห้ามถ่ายภาพครับ จึงไม่มีภาพ
งานนี้มีสีสันคล้ายไปสวนสนุกมีเด็กเกือบครึ่ง พ่อ-แม่ ต่างจูง ต่างอุ้มแฟนพันธุ์แท้ตัวการ์ตูนยอดฮิตไปชมการแสดงสด ๆ กันล้นหลาม

หลังจากจบงานสองทุ่มไปที่โชว์รูมเปอโยต์ ถนนสุรวงศ์ ใกล้ ๆ ย่านซอยพุทธโอสถสำนักงานนิตยสาร มอเตอร์มาร์ต ที่ทำงานเก่า สมัย ที่ "บริษัท 17 การพิมพ์" เป็นเจ้าของ ที่ผมเคยไป ๆ มา ๆ ย่านนี้ทุกวันอยู่สองปี

โชว์รูมนี้แต่แรกบริษัทกลุ่มยนตรกิจอยู่ที่นี้ ทั้งแลนเซีย เปอโยต์ ซีตรอง และบีเอ็มฯ

เวลาไปรับรถทดสอบก็ไปที่ตึกนี้

ดูภาพบรรยากาศไปก่อน รายละเอียดคร่าว ๆ เป็นไวน์จากฝรั่งเศสแท้

ผมเลือกชิม 4 ตัวครับ มีทั้งหมด 11 ตัว

ชิมไปขาว 2 ไวน์แดง 1 ไวน์โรเช่ 1 (ดื่มจริง ๆ  4 แก้ว จึงหน้าแดง)

ชื่อ รุ่น ชั้น กำลังหาโน้ตที่บันทึกไว้อยู่ครับ ก็จิบคลืนจริง ๆ เลยสับสนว่าเอาใบคะแนนไปไว้ตรงไหน ก็ไม่ทราบ

16 ต.ค. 2550

อาวีโอคลับ และออพตร้าคลับ ปันน้ำใจสู่น้องๆ บ้านปากเกร็ด


อาวีโอคลับ และออพตร้าคลับ ปันน้ำใจสู่น้องๆ บ้านปากเกร็ด

กรุงเทพฯ – อาวีโอ คลับ และ ออพตร้า คลับ จัดกิจกรรมรวมน้ำใจมอบเครื่องใช้เด็กอ่อนและของเล่น พร้อมสมทบทุนเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส ณ สถานสงเคราะห์เด็กอ่อน บ้านปากเกร็ด พร้อมเสริมกิจกรรมสมาชิกฯ เพื่อแลกเปลี่ยนเทคนิคการขับขี่และการดูแลรักษารถอย่างถูกวิธี เมื่อเร็วๆ นี้

ชมรมคนรักอาวีโอ นำโดย จรินทร์ทิพย์ พรบุญฤทธิ์ (www.aveo-club.com) และชมรมคนรักออพตร้า นำโดย นพพร ช่วยบำรุง (www.optraclub.com) ได้จัดกิจกรรมเพื่อให้สมาชิกของทั้งสองชมรมได้มีโอกาสพบปะกระชับความสัมพันธ์ และบำเพ็ญสาธารณกุศลร่วมกัน โดยสมาชิกชมรมฯ ได้รวมตัวกันเพื่อมอบเครื่องใช้สำหรับเด็ก ของเล่น เสื้อ และตุ๊กตา “เชฟวี่และจีจี้” มาสคอตโครงการ “คุณหนูปลอดภัยในยานยนต์” ของเชฟโรเลต รวมทั้งมอบเงินจำนวนกว่า 30,000 บาท ให้แก่บ้านเด็กอ่อนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมี พูนศรี น้อยบางยาง เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 6 เป็นผู้แทนในการรับมอบ

นอกจากนี้ สมาชิกของชมรมอาวีโอคลับ และออพตร้าคลับ ได้จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเทคนิคการใช้รถ และดูแลรักษารถที่ตนรักให้มีอายุการใช้งานยาวนาน รวมถึงการขับขี่อย่างปลอดภัย และการให้เด็กโดยสารในรถยนต์อย่างปลอดภัยอีกด้วย

15 ต.ค. 2550

รถจิ๋ว “บี-คาร์” ของฟอร์ดและมาสด้าเกิดแน่ ใน 2552


กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 9 ตุลาคม 2550 -- ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศแผนการร่วมลงทุนมูลค่ากว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ในโรงงาน ผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กแห่งใหม่ที่มีสายการผลิตที่ยืดหยุ่นของบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือเอเอที ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ของผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำระดับโลกทั้งสอง โดยผู้บริหารระดับสูงของฟอร์ดและมาสด้าร่วมกันประกาศแผนดังกล่าวในวันนี้ในกรุงเทพมหานคร

โรงงานแห่งใหม่ใช้เทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ที่ทันสมัยมาก ติดตั้งระบบและกระบวนการผลิตแบบอัตโนมัติ และมีสายการผลิตที่ยืดหยุ่นสามารถผลิตรถได้หลายรุ่นในสายการผลิตเดียวเช่นเดียวกับที่ใช้ในโรงงานฉางอาน ฟอร์ด มาสด้า ออโตโมบิล ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เพิ่งเปิดดำเนินการที่เมืองนานจิงไปเมื่อเร็วๆ นี้

เอเอทีจะเริ่มผลิตรถยนต์ขนาดเล็กหรือประเภท “บี-คาร์” ของฟอร์ดและมาสด้าในพ.ศ. 2552 และในอนาคต เอเอทีจะสามารถรองรับการผลิตรถยนต์ต่างๆ หลายรุ่น รวมไปจนถึงรถยนต์นั่งขนาดกลางด้วย



แผนการลงทุนในครั้งนี้ ประกอบด้วยการสร้างไลน์ขึ้นรูปรถยนต์ การประกอบตัวถัง การประกอบรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งส่วนพ่นสีรถยนต์ซึ่งใช้กระบวนการพ่นสีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คือ กระบวนการพ่นสีแบบ three-wet technology (เทคโนโลยีใหม่สามารถพ่นทับชั้นที่ 2 และ 3 ได้เลย โดยไม่ต้องรอให้สีในแต่ละชั้นแห้ง) ที่สามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และลดปริมาณฝุ่นละออง (VOC) ลงอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพการพ่นสีที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการขยายพื้นที่คลังเก็บรถยนต์ที่ผลิตเสร็จแล้วเพื่อรองรับปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการสร้างโรงอาหารใหม่สำหรับพนักงานที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ฟอร์ดและมาสด้าได้ลงทุนร่วมกันเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท แล้วในโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ (เอเอที) แห่งนี้ การลงทุนเพิ่มครั้งใหม่จะตอกย้ำถึงความสำคัญของโรงงาน เอเอที ในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคของฟอร์ดและมาสด้า รวมทั้งแสดงถึงความมั่นใจของทั้งสองบริษัทฯ ว่าโรงงานแห่งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่โรงงานเอเอทีได้ฉลองยอดการผลิตรถกระบะครบหนึ่งล้านคันไปเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นการบรรลุเป้าหมายการผลิตก่อนแผนที่วางไว้ถึงสองปี

“การลงทุนในครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่เรามีต่อประเทศไทย ทั้งยังช่วยสนับสนุนในฟอร์ดมีส่วนร่วม
ในการเติบโตของธุรกิจยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน และผลักดันให้ธุรกิจยานยนต์ในภูมิภาคนี้เติบโตขึ้น"
มร. จอห์น ปาร์คเกอร์ รองประธานบริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและ
แอฟริกากล่าว “ฟอร์ดและมาสด้าเป็นพันธมิตรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรายหนึ่งในอุตสาหกรรม
ยานยนต์ และแน่นอนว่าโรงงานเอเอทียังคงเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของทั้งสองบริษัทเช่นเดียวกับ
ที่ผ่านมา”

ในการร่วมลงทุนครั้งใหม่นี้ ฟอร์ดและมาสด้าจะลงทุนในสัดส่วนที่เท่ากัน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรวมของโรงงานเอเอที ทั้งรถยนต์สำเร็จรูป (CBU) และชิ้นส่วนรถยนต์ (CKD) จาก 175,000 คันต่อปีในปัจจุบัน เป็นสูงสุดถึง 275,000 คันต่อปี นอกจากการผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศแล้ว ยังจะส่งรถยนต์นั่งขนาดเล็กนี้ไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้ด้วย

“รถยนต์ขนาดเล็ก จะเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ของเราทั้งในภูมิภาคนี้และระดับโลก รถยนต์ขนาดเล็กของเรามีข้อได้เปรียบตรงที่มีความสมดุลย์ทั้งความประหยัดน้ำมันและความสามารถในการแข่งขันเป็นอย่างดีในตลาดโลก” มร. ปาร์คเกอร์กล่าวเสริม

โรงงานเอเอที มีมาตรฐานระดับโลกและเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตที่มีขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปัจุบันผลิตรถกระบะฟอร์ด และมาสด้าเพื่อส่งออกไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก จากการผสานจุดแข็งของฟอร์ดและมาสด้าในการทำงาน โรงงานเอเอทีได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการยึดมั่นในคุณภาพการผลิต และการดำเนินการตามมาตรฐานและระเบียบปฏิบัติซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมาโดยตลอด

“บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเรา ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จในการผสานจุดแข็งของพันธมิตร ฟอร์ดและมาสด้า” มร. โรเบิร์ต กราเซียโน รองประธานบริหาร มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าว “การลงทุนครั้งนี้จะทำให้เราสามารถขยายศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ประจำภูมิภาคอาเซียน และสร้างโอกาสในการต่อยอดธุรกิจจากความชำนาญและความสำเร็จในประเทศไทยของโรงงานเอเอทีได้เป็นอย่างดี”

“นอกจากการเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ฟอร์ดและมาสด้า การลงทุนเพิ่มขึ้นในโรงงานเอเอทีครั้งนี้ยังจะเอื้อประโยชน์ในด้านอื่นให้แก่ประเทศไทย ทั้งการสร้างงาน การสนับสนุนธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของไทย ซึ่งจะสร้างประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้แก่เศรษฐกิจไทย” มร. กราเซียโนกล่าวเสริม

ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจต่อประเทศไทย
ในปัจจุบัน โรงงานเอเอทีสั่งซื้อชิ้นส่วนในแต่ละปี มูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท (1.72 พันล้านเหรียญสหรัฐ) จากผู้ผลิตชิ้นส่วน 177 ราย ซึ่งประมาณร้อยละ 90 เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของไทย ทำให้โรงงาน เอเอทีมีเครือข่ายผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ

ปัจจุบันโรงงานเอเอทีมีพนักงานประมาณ 3,600 คน ที่รวมถึงวิศวกร ช่างเทคนิค และช่างประกอบรถยนต์ที่มีความชำนาญสูง หลังจากการลงทุนในครั้งนี้ เมื่อโรงงานดังกล่าวเริ่มการผลิตในพ.ศ. 2552 โรงงานเอเอทีจะจ้างพนักงานเพิ่มอีก 2,000 ตำแหน่ง และส่งผลให้มีการสร้างงานรวมทั้งสิ้นประมาณ 6,000 ตำแหน่ง

การลงทุนระยะแรก
เมื่อ พ.ศ. 2538 ฟอร์ดและมาสด้า ได้ตกลงร่วมกันให้ประเทศไทยเป็นฐานในการลงทุนแและการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยได้ก่อตั้งบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเพื่อสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศ

หลังจากที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในปีเดียวกันนั้น
เอเอทีได้ลงทุนกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ที่ทันสมัย มีกระบวนการผลิตครบวงจร นับตั้งแต่การขึ้นรูปตัวถัง การประกอบตัวถัง การพ่นสี การประกอบเครื่องยนต์ การประกอบรายละเอียดขั้นสุดท้าย และส่วนบรรจุชิ้นส่วนรถยนต์ (CKD) โดยโรงงานตั้งอยู่บนพื้นที่ 529 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง

นอกเหนือจากความสำเร็จในด้านการผลิตแล้ว เอเอทีและพนักงานยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและชุมชนโดยรอบมาโดยตลอด รวมทั้งโครงการเพื่อสังคมต่างๆ ตั้งแต่การบริจาคเพื่อสนับสนุนการจัดซื้ออุปกรณ์การศึกษา ไปจนถึงอาสาสมัครบรรเทาทุกข์ในภาวะวิกฤติ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย
# # #
ข้อมูลเกี่ยวกับฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เป็นผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน โดยเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ชั้นนำให้แก่ตลาดต่างๆ กว่า 200 แห่งทั่วทั้ง 6 ทวีป บริษัทฯ มีพนักงานทั้งสิ้นประมาณ 260,000 คน โดยเป็นผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำหลายแบรนด์ ได้แก่ ฟอร์ด, จากัวร์, แลนด์โรเวอร์, ลินคอล์น, มาสด้า, เมอร์คิวรี่ และ วอลโว่ อีกทั้งยังมีบริการที่เกี่ยวข้องมากมาย ได้แก่ ฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต ผู้ที่สนใจสามารถเรียกดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.fordvehicles.com

ข้อมูลเกี่ยวกับมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น
มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2463 โดยมีสำนักงานที่เมืองฮิโรชิมา ทางตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น มาสด้า เป็นบริษัทระดับโลกที่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากลูกค้าในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ รวมทั้งมีเครือข่ายการผลิตทั่วโลก ซึ่งได้แก่โรงงานผลิตหลัก 2 แห่งในประเทศญี่ปุ่น และโรงงานผลิตอื่นอีก 14 แห่งทั่วโลก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาสด้าได้ที่ www.media.mazda.com

ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2538 โดยเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เพื่อผลิตรถกระบะ 1 ตันสำหรับตลาดภายในประเทศและส่งออกทั่วโลก ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้นเท่าๆ กันและร่วมกันบริหารโรงงานแห่งนี้

FORD+MAZDA ร่วมลงทุน 500 ล้าน ดอลลาร์


ฟอร์ด-มาสด้า ทุ่ม 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
ลงทุนผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กในไทย


กรุงเทพฯ ประเทศไทย 10 ตุลาคม 2550 – ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ร่วมกันประกาศการลงทุนเพิ่มเติมครั้งใหญ่รวมมูลค่ากว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาทในโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดเล็กแห่งใหม่ที่มีสายการผลิตที่ยืดหยุ่นของบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์
(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั้งสองของโลก เพื่อเพิ่มไลน์ผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กในประเทศไทย ในภาพ มร. จอห์น ปาร์คเกอร์ (ซ้าย) รองประธานบริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา และ มร. โรเบิร์ต กราเซียโน รองประธานบริหาร มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ร่วมกันประกาศแผนการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์ ที่เซ็นทารา แกรนด์ แอนด์ บางกอก คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์

จีเอ็มแต่งตั้ง 2 ผู้บริหารไทย ขึ้นรั้งตำแหน่งอินเตอร์



จีเอ็มแต่งตั้ง 2 ผู้บริหารไทย ขึ้นรั้งตำแหน่ง
กรรมการอำนวยการบริหารประจำภูมิภาคอาเซียน


กรุงเทพฯ – เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประกาศแต่งตั้งสองผู้บริหารไทย นายครรชิต ไชยสุโพธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจอาเซียน และ นายชาติชาย สุวรรณเสวก ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ประจำภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการอำนวยการบริหารประจำจีเอ็มภูมิภาคอาเซียน ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำกัด บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

นายครรชิต ไชยสุโพธิ์(ล่าง) และนายชาติชาย สุวรรณเสวก(บน)นับเป็นคนไทยสองคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งให้อยู่ในคณะกรรมการอำนวยการบริหารจากผู้บริหารจำนวน 10 คน จาก 3 บริษัทในเครือจีเอ็ม มีหน้าที่รับผิดชอบการพิจารณาข้อพึงปฏิบัติ และบริหารจัดการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบริษัททั้งภายในและภายนอกองค์กร นอกจากนั้น ยังต้องคอยตรวจสอบประสิทธิภาพของนโยบายด้านการบริหาร การตัดสินใจ การดำเนินกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงการดูแลให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีในระยะยาว และเหนือสิ่งอื่นใด คณะกรรมการฯ จะต้องกำกับดูแลเพื่อให้แน่ใจว่า ผู้บริหารของจีเอ็มทุกคนจะสามารถปฏิบัติตามความรับผิดชอบได้อย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ปกติ หรือยามบริษัทฯ ประสบภาวะวิกฤต

มร. สตีเฟน คาร์ไลส์ ประธานกรรมการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งในครั้งนี้ว่า “จีเอ็มเป็นองค์กรระดับโลกที่มุ่งเติบโตในตลาดหลายภูมิภาค การแต่งตั้งผู้บริหารชาวไทยสองท่านเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการอำนวยการบริหารประจำภูมิภาคอาเซียนนั้น สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของพนักงานท้องถิ่นในบริษัทของจีเอ็มทั่วโลก ถึงแม้ว่าเราจะเป็นบริษัทระดับโลก แต่การดำเนินงานของเรานั้นต้องปรับให้สอดคล้องกับท้องถิ่นแต่ละแห่งเสมอ”

ครรชิต ไชยสุโพธิ์ มีประสบการณ์ด้านธุรกิจยานยนต์เป็นเวลามากกว่า 20 ปี โดยช่วง 11 ปีหลังเขามีส่วนร่วมในการสร้างแบรนด์จีเอ็ม และเชฟโรเลตให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดรถยนต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วของประเทศไทย นอกจากนั้นครรชิตยังเป็นสมาชิกของสมาคมธุรกิจในประเทศไทยหลายองค์กร เช่น คณะกรรมการทำงานร่วมเกี่ยวกับข้อตกลงเขตการค้าเสรีแห่งประเทศไทยอีกด้วย

ชาติชาย สุวรรณเสวก ร่วมงานกับจีเอ็มประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ด้วยประสบการณ์ด้านงานประชาสัมพันธ์ระดับภูมิภาคและการสื่อสารองค์กรที่สะสมมากว่า 20 ปี ทำให้เขามีบทบาทสำคัญในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ผลักดันให้จีเอ็มและ เชฟโรเลตมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก นับตั้งแต่บริษัทเริ่มเข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทย ปัจจุบันชาติชายเป็นสมาชิกของสภาหอการค้าอเมริกันและสภาหอการค้าออสเตรเลีย

“พนักงานท้องถิ่นของจีเอ็มในประเทศต่างๆ นั้น มีโอกาสที่จะก้าวสู่ตำแหน่งบริหารระดับโลกได้ทุกคน การที่เราได้ต้อนรับชาวไทย 2 ท่าน ในตำแหน่งกรรมการอำนวยการบริหาร จีเอ็มอาเซียนนั้น เป็นการเพิ่มความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้กับคณะกรรมการฯ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่งสำหรับบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส” มร.สตีเฟนสรุป

Super Bike Ducati 1098 เอาใจนักซิ่ง กลุ่ม Hi-End ในงาน Thailand Millionaire Expo 07











Super Bike Ducati 1098 เอาใจนักซิ่ง กลุ่ม Hi-End
ร่วมงานแสดงสินค้าหรู Thailand Millionaire Expo 07

 
(กรุงเทพฯ, 12 ตุลาคม 2550) - ดูคาติ ซุปเปอร์ไบค์สุดหรูจากประเทศอิตาลี เตรียมเข้าร่วมงาน Thailand Millionaire Expo 2007 ครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจาะกลุ่มผู้รักความเร็วกลุ่ม hi-end
 
 เพื่อเป็นการตอกย้ำแบรนด์ดูคาติในฐานะพรีเมี่ยมซุปเปอร์ไบค์ ดูคาติ จะนำ Ducati 1098 สุดยอดซุปเปอร์ไบค์เทคโนโลยีจากสนามแข่งสนนราคา 1.4 ล้านบาท เข้าร่วมแสดงในงาน Thailand Millionaire Expo 2007 งานแสดงสินค้าหรูหราที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในวันที่ 2–4 พฤศจิกายน 2550 ที่สยามพารากอน โดย ดูคาติ จะเป็นซุปเปอร์ไบค์รายเดียวที่เข้าร่วมในงานนี้
 
ซุปเปอร์ไบค์ รุ่น Ducati 1098 เป็นซุปเปอร์ไบค์ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับสนามแข่ง ซึ่งทำให้ Ducati 1098 เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่พลิกประวัติศาสตร์วงการรถซุปเปอร์ไบค์ โดยมีเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน Ducati 1098 ได้รับการประกอบด้วยเทคนิคชั้นสูงในประเทศอิตาลี โดยในประเทศไทยตอนนี้มีผู้เป็นเจ้าของเพียง 7 คันเท่านั้น
 
Ducati 1098  มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Testastretta Evolution ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ L-Twin ที่ทรงพลังที่สุดในโลก ซึ่งมีกำลังมากถึง 160 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังด้วยเกียร์ 6 จังหวะ ผ่านระบบขับเคลื่อนด้วยโซ่ โดยระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบ Upside–Down ปรับได้ทุกระดับ ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Single Sided Swingarm ทำงานร่วมกับโช็คอัพเดี่ยวปรับได้ทุกระดับเช่นเดียวกัน และเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการใช้ระบบเบรกแบบ Radial Mount Monobloc ที่ใช้กันเฉพาะรถแข่งระดับสุดยอดเท่านั้น
 
นอกจากนี้ในรุ่น 1098S และ 1098S Tricolore ยังจะมีความพิเศษอยู่ที่ล้อน้ำหนักเบาพิเศษ ที่เบากว่าปกติถึง 2 กิโลกรัม อีกทั้งยังมีระบบ Ducati Data Analysis System ที่สามารถบันทึกข้อมูลการขับขี่ทั้งในสนามแข่งหรือท้องถนน เพื่อที่จะนำมาใช้ปรับเซ็ตตัวรถให้สมรรถนะการขับขี่ดียิ่งไปอีก
 
งาน Thailand Millionaire Expo 2007 เป็นงานแสดงสินค้าหรูหราที่จะขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่ได้เคยถูกจัดขึ้นในประเทศเนเธอร์แลนด์, รัสเซีย, อาบูดาบี, เวียนนา และประเทศจีน และ การจัดแสดงงาน “ไทยแลนด์ มิลเลี่ยนแนร์ เอ็กซ์โป 07” ในประเทศไทยครั้งนี้ จะมีผู้ร่วมงานจากพรีเมี่ยมแบรนด์ดังมากกว่า 60 แบรนด์ทั่วโลก แสดงสินค้าหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ เครื่องประดับ และ แฟชั่น ต่างๆ
 
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Thailand Millionaire Expo 2007
http://www.millionaire-expo.com.