24 มี.ค. 2551

วันที่ 5 – 15 เมษายน 2551 วันมะม่วงและของดีเมืองแปดริ้ว ครั้งที่ 38



วันมะม่วงและของดีเมืองแปดริ้ว ครั้งที่ 38
วันที่ 5 – 15 เมษายน 2551 ณ สนามโรงเรียนพุทธโสธร ตรงข้ามวัดโสธรฯ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา
“แปดริ้ว” เมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์ จะเห็นได้จากการประกอบอาชีพที่มีความหลากหลายทั้งมีแหล่งเลี้ยงปลากะพงแหล่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออก มีผลผลิตทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อหลายอย่าง เช่น ข้าวหอมมะลิ ไข่ กุ้ง มะม่วง เป็นต้น
นายอานนท์ พรหมนารท ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เพื่อเผยแพร่มะม่วงพันธุ์ดี พืชผลทางการเกษตร สินค้าแปรรูป และของดีเมืองแปดริ้วให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและเปิดโอกาสให้เกษตรกรนำผลผลิตมะม่วงมาจำหน่ายให้กับผู้บริโภคโดยตรง จังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออกและสหกรณ์ชมรมชาวสวนมะม่วงจังหวัดฉะเชิงเทรา จัดงาน วันมะม่วงและของดีเมืองแปดริ้ว ครั้งที่ 38 วันที่ 5 - 15 เมษายน 2551 ณ บริเวณสนามโรงเรียนพุทธโสธร ตรงข้ามวัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ
เลือกซื้อ
 มะม่วงนานาชนิดคุณภาพส่งออกราคาคนไทย พร้อมน้ำปลาหวานและข้าวเหนียวมูน
 สินค้า OTOP และวิสาหกิจชุมชน อาหารอร่อยหลากชนิด
 กิ่งพันธุ์มะม่วง,ไม้ผล,ไม้ดอกไม้ประดับและพันธุ์ไม้อื่น
 สินค้าอื่น ๆ มากมาย
เลือกชม
 การประกวดมะม่วง, มะพร้าวอ่อน, มะม่วงน้ำดอกไม้ผลใหญ่-ผลยักษ์, ปลากัด, บอนสี, ชวนชม, อาหารแปรรูปจากมะม่วง, ไข่เป็ด, ไข่ไก่
 การแข่งขันทำข้าวเหนียวมูน ส้มตำมะม่วง
 นิทรรศการด้านการเกษตร
นางสาวเบญจวรรณ สุเนตรวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 8 กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสได้แวะมาเที่ยวชมงานวันมะม่วงและของดีเมืองแปดริ้ว ต้องไม่พลาดแวะชมวิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำบางปะกงของชาวแปดริ้วใช้เวลาเพียงหนึ่งวันเท่านั้น
เริ่มต้นชมงานวันมะม่วง ฯ ก่อน จากนั้นชมและไหว้พระศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองแปดริ้ว “หลวงพ่อโสธร” ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร ซึ่งมีพระอุโบสถหินอ่อนที่ทรงคุณค่าทั้งด้านมูลค่าทางการเงินและจิตใจ ภายในประดิษฐานพระพุทธโสธรองค์จริง เปิดให้ชมทุกวัน จากนั้นจับจองที่นั่งเพื่อล่องเรือชมทิวทัศน์ พร้อมฟังเรื่องราวประวัติศาสตร์แห่งลุ่มน้ำบางปะกง ใช้เวลาล่องประมาณ 30 นาที ไปขึ้นท่าที่ตลาดบ้านใหม่ ตลาดโบราณอายุกว่า 100 ปี ศูนย์รวมอาหารอร่อย-วิถีชีวิตริมน้ำและสถานถ่ายทำภาพยนต์หลาย ๆ เรื่อง ไหว้หลวงพ่อโต 1 ใน 3 องค์ของประเทศไทย ประดิษฐานและทำบุญบูรณองค์พระ ณ วัดอุภัยภาติการาม ขอพรพระประธานและสักการะเทพเจ้าตามคติความเชื่อของชาวจีนที่ วัดจีนประชาสโมสร เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ หรือจะพักค้างคืนเพื่อเดินทางท่องเที่ยวต่อในจังหวัดใกล้เคียง
นักท่องเที่ยวสามารถขอรับตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวได้ที่สำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 8 โทร. 0-3731-2282,0-3731-2284, 1672 หรือ Download เพิ่มเติม ได้ที่ www.tat8.com
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา โทร.0-3851-1635
ซื้อ Happy Package ขับรถสุขใจ เที่ยว 21 จังหวัดภาคกลาง แถมคู่มือเดินทาง 13 เล่มมูลค่า 1,350 บาท และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ มากมาย ได้ที่ กลุ่ม Happiness Group โทร. 0-2720-5487-8, www.tat8.com, www.selfdrivethailand.com

22 มี.ค. 2551

Isuzu D-MAX/RODEO ความปลอดภัยจากการชนด้านหน้า ได้แค่ 2 ดาว




Isuzu D-MAX/RODEO จากการทดสอบการชนโดยยูโรเอ็นแค๊ป ได้ 2 ดาว

สามารถปกป้องคุ้มครองเด็กในห้องโดยสารได้ 2 ดาว

และหากผู้เดินถนนถูกชนได้คะแนนความปลอดภัย 1 ดาว

ท่านสามารถศึกษาร่วละเอียดได้ที่เว็ปของยูโรเอ็นแค๊ป ที่

http://www.euroncap.com/tests/isuzu_dmax_rodeo/316.aspx

มิตซูบิิชิ ปิคอัพ ระดับความปลอดภัย 4 ดาว จากการชนด้านหน้า




รายงานจากยูโรเอ็นแค๊ป สำหรับปิคอัพมิตซูบิชิ การชนด้านหน้า 4 ดาว
ปกป้องคุ้มครองเด็กขณะชน ได้ 3 ดาว และความปลอดภัยของผู้เดินถนนหากถูกชน 1 ดาว


http://www.euroncap.com/tests/mitsubishi_l200/314.aspx

โปรดศึกษาราวละเอียดจากเว็ปของยูโรเอ็นแค็ป

ระวัง นิสสัน นาวารา Improved Nissan Navara gains three star rating





นิสสัน นาวารา 2.5 ดีเซล รุ่นปรับปรุงใหม่ ได้ 3 ดาว จากยูโรเอ็นแค็ป


ข่าวด่วนส่งมาโดยตรงจากยูโรเอนแค๊ป ถึงสมาชิก ได้ความว่าความปลอดภัยของผู้ใหญ่ในห้องโดยสารจากการทดสอบการชน ได้ 3 ดาว ความปลอดภัยของผู้เดินถนนหากรถชนด้นหน้าได้ 2 ดาว ที่หน่อยที่สามารถปกป้องเด็กให้ห้องโดยสารระดับ 4 ดาว
http://www.euroncap.com/tests/nissan_navara_2008_2/319.aspx
ลองศึกษารายละเอียดจากเว็ปของยูโรเอนแค๊ปได้เลย
http://www.euroncap.com/tests/nissan_navara/317.aspx
อันนี้เป็นรุ่นก่อนปรับปรุงได้แค่ 1 ดาวเท่านั้น

20 มี.ค. 2551

วันที่ 12 - 16 เมษายน 2551 ณ เมืองโบราณ-พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ จังหวัดสมุทรปราการเทศกาลมหาสงกรานต์เมืองโบราณ




สืบสานวัฒนธรรมชาวไทย 4 ภาค ม่วนซื่นม่วนใจ๋ 150 บาท เที่ยวสงกรานต์ไทย
วันที่ 12 - 16 เมษายน 2551 ณ เมืองโบราณ-พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ จังหวัดสมุทรปราการ
สืบสานวัฒนธรรมไทยรวมใจ 4 ภาค “ม่วนซื่นม่วนใจ๋ เที่ยวสงกรานต์แบบไทย ๆ หร่อยจังฮู้” เที่ยวได้ครบในวันเดียว สัมผัสด้วยใจกับภาพสะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในสยามประเทศที่มีความหลากหลายทางศาสนา ความเชื่อ และวิถีชีวิตที่อาศัยอยู่ด้วยกันได้อย่างสมานฉันท์ โดยผ่านงานทางศิลปะ สถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า บอกเล่าถึงความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ ตลอดจนวิถีทางวัฒนธรรม
นายกำธร ทองธิว ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดบริษัทเมืองโบราณ จำกัด เปิดเผยว่า เมืองโบราณ ร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ กำหนดจัดงาน “มหาสงกรานต์เมืองโบราณ – สมุทรปราการ” ระหว่างวันที่ 12 – 16 เมษายน 2551 ณ เมืองโบราณ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า เพิ่มทางเลือกให้จังหวัดสมุทรปราการเป็นแหล่งท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์อีกแห่งหนึ่ง รวมทั้งส่งเสริมให้เยาวชนไทยและชาวต่างชาติได้เห็นถึงทัศนคติของชาวไทย 4 ภาคต่อการให้ความสำคัญต่อสถาบันครอบครัว
กิจกรรมภายในงานสงกรานต์เมืองโบราณ
งานมหาสงกรานต์เมืองโบราณได้นำเสนอให้เห็นถึงงานพิธีบุญที่ควบคู่ไปกับงานรื่นเริงซึ่งคนในชุมชนมีส่วนร่วมและแสดงออกถึงความสนุกสนานได้อย่างเต็มที่ โดยผ่านสื่อทางวัฒนธรรมที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ในแต่ละท้องถิ่น
สื่อทางวัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นพิธีบุญของผู้คนในท้องถิ่นตลอดจนมหรสพการแสดง กิจกรรมการละเล่น ได้นำเสนอให้สอดคล้องกับแผนผังในแต่ละภูมิภาคอันจัดวางไว้อย่างเหมาะสมในพื้นที่ของเมืองโบราณในงานมหาสงกรานต์เมืองโบราณ
รูปแบบการจัดงาน ฯ ยังคงความเป็นไทยเหมือนปีก่อน ๆ ที่แสดงถึงการอนุรักษ์ประเพณีไทยโบราณ 4 ภาค รวม 6 จุดการแสดง โดยแต่ละภาคจะจัดแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีไทย การแสดง การละเล่นพื้นบ้าน อาหาร และประเพณีสงกรานต์ประจำท้องถิ่นที่มีมาแต่โบราณให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. ณ เมืองโบราณในพื้นที่กว่า 800 ไร่รูปแผนที่ประเทศไทย
เที่ยวสงกรานต์ภาคใต้ ณ ลานกิจกรรม ข้างศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม สัมผัสบรรยากาศของตลาดบก อันเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของผู้คนที่เดินทางมาแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรม แวะชิมอาหารสูตรต้นตำหรับปักษ์ใต้ เช่น แกงเหลือง แกงไตปลา ข้าวยำ เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง พร้อมเพลิดเพลินไปกับมหรสพการแสดง อาทิ โขนสด (เด็ก) โนราห์ ระบำรื่นเริงแบบต่าง ๆ ของชาวใต้
เที่ยวงานสงกรานต์ภาคกลาง ณ ลานสนามชัย หน้าพระที่นั่งสรรเพ็ชญ์ปราสาท ร่วมสืบสานประเพณีอันดีงาม สรงน้ำพระพุทธรูป แล้วไหว้พระพุทธบาทสระบุรี นมัสการพระปฏิมากรศักดิ์สิทธิ์ในหอพระแก้ว พร้อมร่วมกิจกรรมการแสดงการละเล่น เช่น รำกระบี่ รำกระบอง รำกลองยาว
เที่ยวงานสงกรานต์ภาคเหนือตอนล่างภาคกลางตอนบน ณ วิหารสุโขทัย ร่วมสรงน้ำพระพุทธรูป กราบขอพรพระในวิหารสุโขทัยเพื่อความเป็นสิริมงคล แล้วมาชมบรรยากาศสองฝั่งคลองในตลาดน้ำ ชุมชนแห่งการค้าขายและหลากหลายทางวัฒนธรรม รับประทานอาหารท้องถิ่นทั้งของหวานของคาว ชมการละเล่น อาทิ ชกมวยทะเล การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านทางน้ำที่ปะปนไปด้วยความสนุกสนาน
เที่ยวงานป๋าเวณีปี๋ใหม่ - สงกรานต์ภาคเหนือ ณ วัดจองคำ วัดเชียงของ วัดภูมินทร์ และบริเวณลานกิจกรรมของหมู่บ้านไทยภาคเหนือ ดินแดนที่งดงามไปด้วยจารีตประเพณีอันดีงาม สัมผัสบรรยากาศงานบุญแบบพื้นถิ่นคนเมือง เช่น พิธีสังขารล่อง การถวายไม้ค้ำสะหรี (ไม้ค้ำโพธิ์) พิธีสืบชะตา ขนทรายเข้าวัด ก่อพระเจดีย์ทราย สรงน้ำพระ รับประทานอาหารพื้นเมืองที่หอคำ สนุกสนานไปกับมหรสพและกิจกรรมการแสดง เช่น การบรรเลงดนตรีท้องถิ่นจากวงสะล้อ ซอ ซึง ตีกลองสะบัดชัย ฟ้อนนกกิงกะหร่า หมากรุกคน ทดลองเขียนร่มบ่อสร้างเก็บเป็นของที่ระลึก ณ ทุ่งโล่งแห่งนครสยามหรือปลายนา อาณาบริเวณที่จัดแสดงคติความเชื่อของคนในโลกตะวันออก มีกิจกรรมแห่งความเมตตา คือ การปล่อยปลาเป็นกิริยาบุญ และนมัสการพระศรีอาริยเมตไตรยในศาลาพระอรหันต์ พระโพธิสัตว์กวนอิม เพื่อขอพรแห่งความสุข
เยือนท้องถิ่นอีสาน - เที่ยวงานสงกรานต์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ บริเวณวิหารล้านช้างและพระธาตุพนม ร่วมสรงน้ำพระตามแบบชาวอีสาน นมัสการพระประธานในวิหาร สัมผัสบรรยากาศแห่งความม่วนซื่นโฮเเซว ในเอกลักษณ์แบบงานบุญอีสาน ครื้นเครงกับการบรรเลงของวงโปงลาง ประกอบการฟ้อน การเซิ้ง ที่สนุกสนาน เช่น ฟ้อนภูไท เต้ยหัวโนนดาล สาวกาฬสินธุ์รำเพลิน เซิ้งตัดหวาย เซิ้งแหย่ไข่มดแดง ฯลฯ พร้อมชิมอาหารอีสานรสแซ่บ
และอีกหนึ่งกิจกรรมใหม่ที่เมืองโบราณร่วมสืบสานความเป็นไทย นั้นคือ กิจกรรมปั้นทราย เพื่อสร้างความสามัคคีให้กับสถาบันครอบครัวและการศึกษา คณะผู้จัดจึงได้จัดการประกวดปั้นทราย ประเภทครอบครัว ในหัวข้อ “วัฒนธรรมไทย” ชิงถ้วยรางวัลและเงินรางวัลรวม 15,000 บาท จำนวน 8 รางวัล และประเภทสถาบันการศึกษา ในหัวข้อ “ที่สุดในโลก” ชิงถ้วยรางวัลและโล่รางวัล พร้อมเงินรางวัลรวม 195,000 บาท รวม 5 รางวัล ครอบครัวนักท่องเที่ยวและสถาบันศึกษาใดสนใจที่จะเข้าร่วมการประกวดสามารถสมัครได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2551 สอบถามได้ที่ โทร. 0-2709-1644 หรือ www.ancientcity.com
นางสาวเบญจวรรณ สุเนตรวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 8 กล่าวว่า เมืองโบราณ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของภาคเอกชน พื้นที่ของเมืองโบราณมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายแผนที่ประเทศไทย บรรจุสถานที่ต่าง ๆ อันน่าอัศจรรย์ที่มีมากกว่า 116 แห่ง ออกเดินทางแต่เช้าจะใช้รถยนต์ส่วนตัว หรือรถโดยสารประจำทางก็สะดวกสามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้เหมือนกัน ด้วยพื้นที่ของเมืองโบราณที่มีมากถึง 800 ไร่ และมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายแผนที่ประเทศไทย บรรจุสถานที่ต่าง ๆ อันน่าอัศจรรย์ ผู้สร้างมีความตั้งใจจะสร้างขึ้นเพื่อให้คนไทยได้หวนรำลึกถึงรากเหง้าแห่งความเป็นไทย ภูมิปัญญา ความพอเพียงในการใช้ชีวิตประจำวัน พร้อมนำเสนอความภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมของบรรพบุรุษที่ได้สั่งสม สืบทอด และส่งต่อให้แก่ชนรุ่นหลัง และผู้มาเยือนจากต่างชาติได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตแบบไทย ๆ
หากมองเมืองโบราณเป็นสมุดบันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ นำเสนอภูมิปัญญาไทยที่ถูกถ่ายทอดออกมาทางสถาปัตยกรรมรูปแบบต่าง ๆ ผสมผสานกับงานวิจิตรศิลป์และประณีตศิลป์ จัดวางโครงสร้างและสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่สอดคล้องและสัมพันธ์กัน ก่อเกิดบรรยากาศที่โน้มนำให้ผู้มาเยือนได้รับทั้งความรู้ ความเข้าใจ ความสุข และเพิ่มความรักระหว่างคนในครอบครัวและคนรอบข้างมากยิ่งขึ้น
ย่างเท้าก้าวเข้าสู่เมืองโบราณ ผ่านซุ้มประตูเดินทางย้อนเวลาสู่เมืองที่เจริญรุ่งเรืองทั้งด้านวัตถุและวัฒนธรรม มีสิ่งปลูกสร้างหลายยุคหลายสมัยได้เรียนรู้เรื่องราวของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศาสนา ศิลปะและขนบธรรมเนียมประเพณีของคนไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน เช่น พระที่นั่งองค์สำคัญ ๆ วัดวาอาราม พระสถูปเจดีย์ พระปรางค์ ปราสาทหิน และบ้านไทยในรูปแบบต่าง ๆ รวม 4 ภาค วิถีชีวิตไทยภาคเหนือ – ภาคอีสาน – ภาคใต้ และภาคกลาง รวมไปถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ อาคารบางหลังเป็นสถานที่ซึ่งเมืองโบราณได้ขอผาติกรรมมารักษาไว้
ในวาระขึ้นปีใหม่ไทย “เทศกาลวันสงกรานต์” สำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 8 ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางท่องเที่ยว ใส่เสื้อลายดอกเที่ยวงานสงกรานต์ 4 ภาค สัมผัสบรรยากาศไทย ๆ ทั่วทุกมุมเมืองของเมืองไทยได้ที่ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เมืองโบราณ สมุทรปราการ โทร.0-2709-1644, 0-2709-1645, 0-2709-1648 และสำนักงาน ททท. ภาคกลางเขต 8 โทร. 0-3731-2282, 0-3731-2284, 1672 และ www.tat8.com
ซื้อ Happy Package ขับรถสุขใจ เที่ยว 21 จังหวัดภาคกลาง แถมคู่มือเดินทาง 13 เล่มมูลค่า 1,350 บาท
และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ มากมาย ได้ที่ กลุ่ม Happiness Group โทร. 0-2720-5487-8, www.tat8.com, www.selfdrivethailand.com

ทีมเพียวไทย คว้าแชมป์ในรายการ Super Car Thailand เป็นสมัยที่ 5


ทีมเพียวไทย คว้าแชมป์ในรายการ Super Car Thailand เป็นสมัยที่ 5
นายศุภพงศ์ กฤษณกาญจน์ (ที่ 4 จากขวา) ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทผู้สนับสนุนระยองเพียวริฟายเออร์ เรสซิ่ง ทีม (ทีมเพียวไทย) ร่วมแสดงความยินดีกับทีมเพียวไทยที่ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภททีม ในรุ่น Super Radial ติดต่อกันเป็นสมัยที่ 5 และในโอกาสที่นายปรีดา ตันเต็มทรัพย์ (ที่ 3 จากขวา) นักแข่งทีมระยองเพียวริฟายเออร์ เรสซิ่ง ทีม คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทบุคคล ในรุ่น Super Radial ในงาน “Champions day” งานมอบรางวัลการแข่งขันรถยนต์รายการ Super Car Thailand Motor Sport 2007 ณ ร้าน เยส อินดีส เมื่อเร็วๆ นี้

จีเอ็มฉลองครบ 100 ปี พร้อมสร้างปรากฎการณ์ระดับประเทศ ใน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29










• ครั้งแรกในเมืองไทย เปิดตัวกระบะใช้ก๊าซธรรมชาติ เชฟโรเลต โคโลราโด CNG
• แคปติวารุ่นพิเศษ Centennial White Edition ฉลองการก้าวสู่ศตวรรษที่ 2
• พบกับรูปแบบใหม่ของ เชฟโรเลต พาวิลเลี่ยน ตกแต่งพิเศษในสไตล์ Dynamic


กรุงเทพฯ – จีเอ็มเตรียมฉลองครบ 100 ปี ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 สร้างปรากฎการณ์ใหม่ ครั้งแรก ในเมืองไทย เปิดตัว เชฟโรเลต โคโลราโด CNG กระบะใช้ก๊าซธรรมชาติ พร้อมเปิดตัวรถอเนกประสงค์ เอสยูวี เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นพิเศษ Centennial White Edition ฉลองการขึ้นสู่ศตวรรษใหม่ของจีเอ็ม เพียง 200 คันเท่านั้น ภายในงานเตรียมพบกับ เชฟโรเลต พาวิลเลี่ยน ที่มากับแนวคิดแห่งความเคลื่อนไหว “The Dynamic”

บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมการฉลองครบรอบ 100 ปี ให้กับ “จีเอ็ม” เจนเนอรัล มอเตอร์ส ที่กำลังจะมาถึงในเดือนกันยายน ปี 2551 นี้ ด้วยการสร้างปรากฎการณ์ระดับประเทศ ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2551

“ปีนี้ เป็นวาระสำคัญสำหรับ จีเอ็มและเชฟโรเลต เนื่องจากในเดือนกันยายนนี้ จีเอ็มจะครบรอบ 100 ปี ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเราทุกคน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นสถาบันรถยนต์ระดับโลกที่มีความมั่นคงมายาวนาน ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ จึงเหมือนเป็นการเตรียมงานฉลองล่วงหน้าให้กับจีเอ็ม เราจึงต้องการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับประเทศไทย นั่นคือ การเปิดตัว รถกระบะ เชฟโรเลต โคโลราโด CNG ที่เป็นกระบะคันแรกในเมืองไทยที่ใช้ระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ นอกจาก โคโลราโด CNG จะเป็นรถที่ให้ความประหยัดพลังงานมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการสนองนโยบายของจีเอ็มที่เหมือนกันทั่วโลก นั่นคือ การแสวงหาพลังงานทดแทน ลดการใช้น้ำมัน และลดมลพิษ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของประเทศไทย ที่ต้องการให้ร่วมมือกันประหยัดพลังงาน ลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ” มร.สตีเฟน คาร์ไลส์ ประธานกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

มร. คาร์ไลส์ กล่าวต่อไปอีกว่า “เนื่องจากจีเอ็มกำลังจะก้าวขึ้นสู่ศตวรรษที่ 2 เราจึงได้เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ เอสยูวี เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นพิเศษ Centennial White Edition ขึ้นมาอีกรุ่น เพื่อให้เป็นรุ่นฉลองครบรอบ 100 ปี การก่อตั้ง บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และจะมีการผลิตออกมาจำกัดเพียง 200 คัน เท่านั้น เพื่อแสดงถึง การก้าวขึ้นสู่ศตวรรษใหม่ของจีเอ็ม ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าทุกท่านจะถูกใจกับรถใหม่ทั้ง 2 รุ่นของเราที่จะเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ และผมก็หวังว่างานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 นี้ จะเป็นจุดเริ่มต้น ในการกระตุ้นตลาดรถยนต์ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง”

สำหรับรถกระบะระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ CNG คันแรกของเมืองไทย เชฟโรเลต โคโลราโด CNG ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความประหยัดเชื้อเพลิงให้กับการใช้รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และสร้างทางเลือกในการใช้พลังงานให้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งรถกระบะ เป็นรถที่มีความต้องการในการใช้งานมากที่สุดในประเทศไทย

เชฟโรเลต โคโลราโด CNG เป็นรถกระบะเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.5 ลิตร ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงผสมแบบ ดูอัลฟิว (Dual fuel) เป็นระบบจ่ายเชื้อเพลิงผสม โดยใช้น้ำมันดีเซลร่วมกับก๊าซธรรมชาติ CNG ไปพร้อมๆ กัน ในสัดส่วน ใช้ก๊าซ CNG 65% และน้ำมันดีเซล 35% ซึ่งโดยปกติ เชฟโรเลต โคโลราโด เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร นั้นเป็นรุ่นที่เน้นให้ความประหยัดสูงสุด เมื่อสามารถใช้น้ำมันดีเซลร่วมกับก๊าซธรรมชาติ ก็จะยิ่งทำให้มีความประหยัดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากราคาของก๊าซธรรมชาติ CNG อยู่ที่ 8.50 บาท/กก.ถูกกว่าน้ำมันดีเซลถึงกว่า 3 เท่าตัว ขณะเดียวกันเครื่องยนต์ดีเซลของเชฟโรเลตทุกรุ่น ยังสามารถใช้น้ำมันดีเซล บี2 และ บี5 โดยไม่เกิดปัญหาใดๆ ต่อเครื่องยนต์ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ผู้ใช้งาน เชฟโรเลต โคโลราโด CNG สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น
นอกจากในส่วนที่ โคโลราโด CNG ให้ความประหยัดและสร้างทางเลือกในการใช้เชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยลดปัญหาด้านมลพิษ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติ CNG เป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด ปลอดเขม่าควันดำ และมีฝุ่นละอองน้อย นั่นจึงสามารถช่วยลดปริมาณมลพิษที่ออกมาจากท่อไอเสียอีกด้วย

ในด้านการใช้งาน เชฟโรเลต โคโลราโด CNG ก็ไม่ได้มีความซับซ้อนยุ่งยากแต่อย่างใด ยังสามารถใช้งานเหมือนการขับขี่รถกระบะทั่วๆ ไป เพียงแต่เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบเชื้อเพลิงร่วม ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกระบบการจ่ายเชื้อเพลิงได้ ด้วยการกดปุ่มควบคุมเลือกใช้เชื้อเพลิง โดยสามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงร่วมระหว่างดีเซลกับก๊าซธรรมชาติ หรือใช้น้ำมันดีเซลเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำได้ ซึ่งนั่นทำให้ผู้ขับขี่สามารถอุ่นใจในกรณีที่ไม่สามารถหาสถานีเติมก๊าซธรรมชาติได้ ขณะเดียวกันหากท่านกำลังใช้ระบบเชื้อเพลิงร่วมแล้วก๊าซธรรมชาติหมด จะมีสัญญาณไฟเตือนสีส้มที่บริเวณปุ่มควบคุมการเลือกใช้เชื้อเพลิงสว่างขึ้น ซึ่งเครื่องยนต์จะกลับไปใช้น้ำมันดีเซลเพียงอย่างเดียวโดยอัตโนมัติ ส่วนถังบรรจุก๊าซ CNG ในโคโลราโดจะอยู่ที่ส่วนกระบะ เป็นถังบรรจุขนาด 70 ลิตร หรือประมาณ 9.1 กิโลกรัม เท่ากับถังบรรจุก๊าซ CNG ในเชฟโรเลต ออพตร้า CNG นอกจากนี้การใช้ก๊าซ CNG นั้นยังมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันมีสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ CNG ที่เปิดให้บริการแล้วถึง 160 แห่ง ทั่วประเทศ
ขณะเดียวกันกระบะโคโลราโด CNG ก็ยังคงความแข็งแกร่ง ทนทาน เหมาะสมสำหรับการใช้งานสมบุกสมบันทุกประเภทเหมือนกับโคโลราโดทุกรุ่น และเมื่อให้ความประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น นั่นจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ การใช้งานพาณิชย์ การขนส่งสินค้าหรือขนส่งทางการเกษตร อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ เชฟโรเลต โคโลราโด CNG จึงเป็นคำตอบของรถกระบะ “ทนตัวจริง ประหยัดจริง”
โคโลราโด CNG มีให้เลือกใช้งานทั้งในแบบ กระบะตอนเดียว S-Cab 2.5 ลิตร กระบะตอนครึ่ง X-Cab 2.5 ลิตร ทั้งในรุ่น LS รุ่น LS1 และรุ่น LT ยังมอบความมั่นใจกับการรับประกันคุณภาพนาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และยังอุ่นใจกับบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ทั่วประเทศ ฟรี 3 ปี

ส่วน เชฟโรเลต แคปติวา รถอเนกประสงค์ เอสยูวี Centennial White Edition เป็นรถรุ่นพิเศษ ที่ผลิตขึ้นมาจำนวนจำกัดเพียง 200 คัน โดยจะเป็นสีพิเศษสีขาวมุก เมทัลลิก เพิร์ล (Metallic Pearl) พร้อมกับเสริมบันไดข้างเป็นสีเดียวกับตัวรถ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการ ขึ้น-ลง รถมากยิ่งขึ้น ซึ่งแคปติวารุ่นพิเศษนี้จะมีเฉพาะในรุ่น LT หรือ รุ่นท็อป ทั้งในแบบเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร โดยจะผลิตตามสัดส่วนความต้องการของลูกค้า สำหรับแคปติวา รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร จะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1.48 ล้านบาท ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร มีราคาอยู่ที่ 1.58 ล้านบาท

นอกจาก รถยนต์ใหม่ 2 รุ่น ที่จะเปิดตัวภายในงานมอเตอร์โชว์แล้ว เชฟโรเลต ยังนำรถรุ่นอื่นๆ มาจัดแสดงไว้ด้วย รวมทั้งหมด 18 คัน ทั้ง เชฟโรเลต อาวีโอ เชฟโรเลต ออพตร้า เชฟโรเลต ออพตร้า CNG เชฟโรเลต ออพตร้า เอสเตท CNG และ เชฟโรเลต โคโลราโด

ในส่วนของบูธเชฟโรเลต ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ จะยังคงรูปแบบมีชั้นลอยอยู่เช่นเดิม แต่สีสันจะเปลี่ยนจากสีดำที่เคร่งขรึม มาเป็นโทนสีน้ำเงินที่เป็นสีของจีเอ็ม เพื่อฉลองการครบรอบ 100 ปี ขณะเดียวกันจะใช้แนวคิดแห่งความเคลื่อนไหว หรือ The Dynamic จากทั้งจอภาพ LCD ขนาดใหญ่สำหรับการแสดงต่างๆ พร้อมมีสแตนด์แสดงภาพที่จะหมุนเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อแสดงให้เห็นถึงการไม่หยุดนิ่ง ความพร้อมในการปรับเปลี่ยนและพัฒนาของจีเอ็มอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแคมเปญส่งเสริมการขายภายในงาน จะใช้แคมเปญ ทริปเปิ้ล ซีโร่ (Triple Zero) คือ ดาวน์ 0% ดอกเบี้ย 0% และจ่ายค่าประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี 0 บาท *

(*สำหรับรถยนต์รุ่นที่ระบุเท่านั้น)

Photo 1: โคโลราโด CNG กระบะใช้ก๊าซธรรมชาติ คันแรกของไทย
Photo 2: โคโลราโด CNG ทนตัวจริง ประหยัดจริง
Photo 3: โคโลราโด CNG ทางเลือกใหม่ในการใช้พลังงาน
Photo 4: เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.5 ลิตร ระบบ คอมมอนเรล
Photo 5: กล่องบรรจุถังก๊าซ CNG ขนาด 70 ลิตร ติดตั้งอย่างปลอดภัย
Photo 6: มาตรวัดระดับก๊าซ CNG
Photo 7: ระบบจ่ายจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด MPI
Photo 8: สวิตช์เพื่อเลือกก๊าซ หรือน้ำมันดีเซลระบบเชื้อเพลิงร่วม Diesel Dual Fuel (DDF)

FORD เตรียมรถโชว์ตัว ในงาน มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29





มาแรง มิสเชลเซีย เลา หัวหน้าทีมออกแบบ FORD VERVE





มิสเชลเซีย เลา
หัวหน้าทีมออกแบบ
บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี-เอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา
โครงการพัฒนารถยนต์สำหรับตลาดจีนและอาเซียน


การศึกษา - สถาบัน Lee Wai Lee Technical Institute ในฮ่องกง
- อาร์ต เซ็นเตอร์ คอลเลจ ออฟ ดีไซน์ พาซาเดนา รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ปีที่เริ่มงานกับฟอร์ด พ.ศ. 2535
ความรับผิดชอบปัจจุบัน การออกแบบภายนอก ภายใน สี และวัสดุ
ความรับผิดชอบก่อนหน้านี้ พัฒนาทิศทางการออกแบบรถยนต์อเนกประสงค์ของฟอร์ด
รางวัลที่ได้รับ - “2006 World’s Outstanding Chinese Designer”
- “One of the Top Ten Secret People Who Will Change Your World” จากนิตยสารออโต้วีค

โครงการที่ดูแลในปัจจุบัน
• การปรับดีไซน์ให้เข้ากับตลาดท้องถิ่นสำหรับรถยนต์นั่งขนาดเล็ก “ฟอร์ด เฟียสต้า” และรถยนต์ระดับโลกของฟอร์ดหลายรุ่น

โครงการที่รับผิดชอบในอดีต
• ฟอร์ด เอ็กซ์พลอเรอร์ (พ.ศ. 2549), เอ็กซ์พลอเรอร์ สปอร์ตแทรค คอนเซ็ปต์ (พ.ศ. 2548)
• ฟอร์ด อีโคสปอร์ต รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กที่จำหน่ายในตลาดอเมริกาใต้ ซึ่งได้รับรางวัล Brazilian Automotive Press Best Sport Utility เมื่อพ.ศ. 2547
• ฟอร์ด FC5 (พ.ศ. 2542) รถคอนเซ็ปต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และได้นำออกเผยโฉมครั้งแรกที่งาน แฟรงเฟิร์ต อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต้โชว์

หลักในการออกแบบของมิสเชลเซีย เลา คือ การใส่ใจในทุกดีไซน์ด้วยจิตวิญญาณและบุคลิกเฉพาะตัวที่จะสร้างแรงบันดาลใจ สื่อถึงความฝัน และสะท้อนพลังแห่งอารมณ์ โดยอาศัยโครงสร้างหลักจากธรรมชาติในการสร้างทุกองค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้เธอยังสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบที่สวยงามทันสมัย สะท้อนถึงความเร็ว ความเป็นอมตะ และความหลากหลายของมิติในการออกแบบ

คอยพบกับ Verve Concept ในบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 29 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2551






“เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” (Verve Concept) รุ่น 4 ประตู น็อทแบ็ค
แสดงให้เห็นถึงแนวคิดในการออกแบบต่างๆ ที่จะนำมาใช้ในการออกแบบรถยนต์นั่งขนาดเล็กของฟอร์ดในอนาคต

“เปี่ยมพลังพร้อมทะยาน”
“เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” เป็นผลงานชิ้นเอกของทีมนักออกแบบของฟอร์ดในยุโรป รังสรรค์ด้วยปรัชญาการออกแบบในแนวคิด “เคเนอติก ดีไซน์” (kinetic design) ที่นำมาใช้กับรถยนต์นั่งขนาดเล็กเป็นครั้งแรก
ทำให้ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” นั้น มีรูปลักษณ์และคุณสมบัติของรถยุโรประดับหรูที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถระดับนี้

“คำว่า “เคเนอติก ดีไซน์” หมายถึง พลังที่เปี่ยมล้นพร้อมจะพุ่งทะยานออกไป และเป็นทิศทางการออกแบบที่สื่อถึงทุกอารมณ์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะความทรงพลัง ความรู้สึกเหมือนว่ารถกำลังพุ่งไปข้างหน้าแม้ว่าจะจอดนิ่งก็ตาม” มาร์ติน สมิธ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายออกแบบของฟอร์ดยุโรป เอเชียแปซิฟิก และแอฟริกา อธิบาย

ฟอร์ด ได้เริ่มนำแนวคิดการออกแบบแนว “เคเนอติก ดีไซน์” มาใช้เป็นครั้งแรกในการออกแบบ “ฟอร์ด
ไอโอซิส คอนเซ็ปต์” รถยนต์ซีดาน 4 ประตูที่มีรูปโฉมทันสมัยปราดเปรียว ในงานแฟรงค์เฟิร์ตออโต้โชว์เมื่อ พ.ศ. 2548 หลังจากนั้น รถต้นแบบ “ฟอร์ด ไอโอซิส คอนเซ็ปต์” มีอิทธิพลอย่างสูงในการพัฒนาฟอร์ด
มอนเดโอรุ่นปัจจุบัน

ล่าสุดฟอร์ดได้ใช้หลักการออกแบบดังกล่าวในการพัฒนา ฟอร์ด เฟียสต้า รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปที่งานเจนีวามอเตอร์โชว์เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

รูปโฉมทันสมัยสะดุดตา
หัวใจในการออกแบบตามหลัก “เคเนอติก ดีไซน์” และ "เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์" คือการใช้เส้นสายที่โค้งลื่นไหล ตัวถังและกระจกหน้าต่างด้านข้างไร้เสากลางสร้างความโดดเด่น เติมความรู้สึกถึงความทรงพลังด้วยซุ้มล้อขนาดใหญ่สื่อถึงพลังและความแข็งแร่ง เสา C-Pillar ที่ออกแบบใหม่ให้ความรู้สึกถึงความกระตือรือร้น และด้านหลังของตัวรถรวมทั้งโค้งหลังคาถูกออกแบบมาให้รับกับรูปโฉมโดยรวม

“เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” เร้าใจและสวยงามอย่างโดดเด่นด้วยสีม่วง Frosted Grape ตั้งแต่กระจังหน้ารูปสี่เหลี่ยมคางหมูไปจนจดด้านท้ายรถที่ออกแบบให้โค้งลาดทันสมัยและสอดรับกับไฟท้ายใหม่แบบสองดวงที่ติดตั้งแนวตั้งในระดับสูง

โฉมใหม่ของรถยนต์ฟอร์ด สะดุดตาตั้งแต่หัวจรดท้าย ด้วยกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ซึ่งซี่ตะแกรงแนวตั้งและแนวนอนสอดประสานกันได้อย่างโดดเด่นในรูปทรงเหมือนหัวกระสุนที่พุ่งทะยาน และตราสัญลักษณ์ฟอร์ดตรงกลางกระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์

ฝากระโปรงหน้าดีไซน์ใหม่ออกแบบและสร้างขึ้นด้วยความประณีต รับกับไฟหน้าทรงเรียวที่เด่นบ่งบอกถึงความโฉบเฉี่ยว ซึ่งเป็นการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฟอร์ด มอนเดโอ ทำให้ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์”
ดูเป็นมิตร เปิดเผย และมีบุคลิกที่เชิญชวนให้เข้ามาทำความรู้จัก ไฟหน้าของ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” ประกอบด้วยไฟแบบ LED ที่ให้ความสว่างมาก

“เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” 4 ประตูรุ่นนี้ ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลาย 12 ก้าน แบบ 2 ชิ้นที่เสริมความแตกต่างให้กับรถ และใช้ยางที่มีริ้วด้านข้าง รับกับสีสันอันสะดุดตาของตัวถัง

ปฏิวัติแนวคิดการออกแบบภายในห้องโดยสาร (สำหรับรถต้นแบบเวิร์ฟ รุ่น 3 ประตู)
ภายในห้องโดยสารของ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” รุ่น 3 ประตู ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด สวยทันสมัยไม่แพ้ด้านนอก ทีมนักออกแบบของฟอร์ดเลือกใช้เส้นกราฟฟิกรูปทรงโค้งมน และสีสันที่จัดจ้า ประกอบกับวัสดุที่มีคุณภาพ ดูทันสมัย เพื่อเติมอารมณ์แห่งความหรูหรา ทันสมัย นำแฟชั่น รวมทั้งยังได้ริเริ่มนำเทคโนโลยีใหม่ๆ และเสนอแนวคิดที่แปลกใหม่สำหรับรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ซึ่ง "เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์" รุ่น 3 ประตูนี้ได้ออกเผยโฉมครั้งแรกเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2550 ในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์

แนวคิดและโฉมใหม่ของการออกแบบภายในห้องโดยสารถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในการเปิดตัว "เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์" รุ่น 3 ประตู โดยแผงหน้าปัดถูกออกแบบให้มีความโค้งเว้าน่าสนใจ และทำให้แผงคอนโซลหน้าแบบเดิมที่ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ในแนวตั้งดูล้าสมัยไปทันที ฟอร์ดเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ได้ริเริ่มนวัตกรรมด้านการออกแบบภายในห้องโดยสารในแนวคิดนี้ก่อนค่ายรถยนต์อื่น


การกำหนดพื้นผิวสัมผัสที่มีขนาดใหญ่และรูปทรงที่โค้งมน เพรียว โดยเฉพาะแผงหน้าปัดและแผงปุ่มควบคุมที่ประตู สื่อให้เห็นถึงหลักการ “เคเนอติก ดีไซน์” อย่างชัดเจน องค์ประกอบเหล่านี้จะโอบล้อมรอบตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ขณะที่หลังคากระจกให้ทัศนวิสัยที่กว้างขวาง

แรงบันดาลใจจากโทรศัพท์เคลื่อนที่
“เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” เป็นรถต้นแบบที่ออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เกิดและเติบโตขึ้นมาพร้อมกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ คุ้นเคยกับแผงปุ่มกดของโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้กันแพร่หลายในทุกวันนี้
จากแนวเคเนอติก ดีไซน์ที่สื่อถึงวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่นั้น หัวใจของการออกแบบภายในห้องโดยสาร คือ ตรงกลางของคอนโซล ที่มีรูปลักษณ์สอดคล้องกับความโค้งเว้าของแผงหน้าปัด ตามคอนเซ็ปต์ของฟอร์ดคอนเวิร์สซิสเทมที่รวมการพัฒนายนตกรรมที่เชื่อมโยงระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร (Human Machine Interface - HMI) ในการออกแบบ เทคโนโลยีนี้สื่อให้เห็นว่ารถยนต์ขนาดเล็กในอนาคตจะมีรูปลักษณ์ทันสมัยเพียงไร

ในการออกแบบแผงหน้าปัดใหม่ วิศวกรนักออกแบบของฟอร์ดได้แยกระบบเสียงและความบันเทิงในรถยนต์ ได้แก่ หน้าจอ ปุ่มควบคุมต่างๆ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ออกเป็นส่วนๆ เพื่อให้สามารถจัดวางในตำแหน่งใหม่ที่สะดวกต่อการใช้งานและมีความคล้ายคลึงกับโทรศัพท์เคลื่อนที่มากขึ้น

การกำหนดตำแหน่งอุปกรณ์และแผงควบคุมต่างๆ สื่อถึงความเข้าใจของฟอร์ดที่จะพัฒนารถยนต์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตยุคใหม่ รวมทั้งยังทำให้ฟอร์ดสามารถเติมอุปกรณ์อื่นๆ เข้าไปได้ เช่น ระบบนำทาง หรือปุ่มควบคุมโทรศัพท์ในรถยนต์

ปุ่มและสวิตช์ต่างๆ ถูกออกแบบมาอย่างประณีต เช่นเดียวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่คุณภาพสูงที่มีดีไซน์ทันสมัย ด้วยหลักการในการออกแบบเหล่านี้ทำให้แผงหน้าปัดของ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างไปจากที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

ระบบปรับอากาศใน “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” ใช้ปุ่มปรับที่เป็นรูปทรงรีขนาดใหญ่ ดูทันสมัยยิ่งขึ้น

การออกแบบแผงหน้าปัดจะลื่นไหลต่อเนื่องไปยังคอนโซลกลางซึ่งเป็นที่เก็บของ ซึ่งรวมถึงถาดสำหรับวางโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือเครื่องเล่น MP3 และช่องขนาดใหญ่พอที่จะวางกระเป๋าสตางค์หรือกระเป๋าถือที่ข้างเบรกมือ

มาตรวัดความเร็วและรอบเครื่องยนต์ออกแบบในรูปทรงคล้ายกล้องส่องทางไกลและใช้สีสว่าง ส่งให้แผงหน้าปัดและแผงปุ่มควบคุมระบบต่างๆ ตรงกลางโดดเด่นขึ้น พร้อมทั้งยังตัดกันกับโทนสีสดใสที่ใช้ในการตกแต่งห้องโดยสาร

พวงมาลัยของ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” หุ้มด้วยวัสดุที่นุ่มมือ ขลิบริมที่ตรงกลางด้วยวัสดุสีสว่างสดใส นำสายตาสู่ตราสัญลักษณ์ฟอร์ดที่โดดเด่น ก้านพวงมาลัยด้านซ้ายและขวามีดีไซน์ที่รับกับการออกแบบหน้าปัด และแผงควบคุมที่ใช้เทคโนโลยี HMI

สีสันสดใสเจิดจ้า แต่กลมกลืน
ภายในห้องโดยสารของ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” ให้ความรู้สึกถึงความทันสมัย ด้วยการใช้โทนสีและวัสดุที่สื่อถึงแนวทางการออกแบบของ “ฟอร์ด ไททาเนียม”
การเลือกใช้สีและวัสดุมีความสำคัญมากต่อการสร้างสรรค์รถยนต์ฟอร์ดให้เป็นยานยนต์ที่สื่อถึงอารมณ์ และสร้างความประทับใจ ฟอร์ดได้สร้างสไตล์ใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยใช้โทนสีเทาขรึมและเงินวาวเพื่อสื่อถึงความหรูหราของ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์”

วัสดุภายในห้องโดยสารได้แก่
• ส่วนบนของแผงหน้าปัดตกแต่งด้วยสีเงิน Fairland dark silver และหนังด้าน
• คอนโซลกลางใช้สีเทา Optimum aluminum grey
• ใช้หนังสีเทาเข้ม Syracuse dark anthracite grey ในบริเวณส่วนล่างของแผงหน้าปัด
• ขลิบริมด้านบนของช่องเก็บของด้านหน้าด้วยวัสดุวาวสีโทนเงินสะดุดตา (ซึ่งทีมนักออกแบบเปิดกว้างว่าลูกค้าอาจเป็นผู้เลือกเองได้ว่าต้องการวัสดุดังกล่าว)

ในด้านองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ของการตกแต่งภายใน เช่น ก้านควบคุมการใช้งานต่างๆ ที่คอพวงมาลัยสะท้อนให้เห็นว่าทีมฟอร์ดใส่ใจในรายละเอียดมาก โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากสินค้าที่สื่อถึงความหรูหรา เช่น เครื่องสำอาง ฯลฯ ความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้สะท้อนถึงความประณีตพิถีพิถันและความแม่นยำในการผลิตไม่ว่าจะการสื่ออารมณ์ในองค์รวม คุณภาพ หรือสีสันที่โดดเด่น

องค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ ผสานกันอย่างกลมกลืน เป็นเอกภาพ และสื่อถึงคุณภาพที่เหนือระดับ ซึ่งทำให้ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” เป็นผลงานการออกแบบชิ้นเอกที่สื่อได้ชัดเจนถึงความล้ำสมัยตรงใจคนรุ่นใหม่ที่สนใจในแฟชั่นอย่างแท้จริง

ฟอร์ดเปิดตัว Verve Concept รถเล็กต้นแบบ “เคเนอติก ดีไซน์”





ฟอร์ดเปิดตัว “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” รถเล็กต้นแบบ
โชว์วิสัยทัศน์นวัตกรรมการออกแบบรถเล็กในอนาคต
“เคเนอติก ดีไซน์”หลักการออกแบบใหม่หัวใในการสร้างสรรค์บุคลิกปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 19 มีนาคม 2551 -- ฟอร์ดนำ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” (Verve Concept) รถยนต์เล็กต้นแบบระดับโลกมาเผยโฉมเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ชี้รถเล็กก็เท่ได้ รถต้นแบบระดับโลก รุ่น 4 ประตูนอทช์แบคนี้ ปราดเปรียว สะดุดตาในสีม่วง Frosted Grape และได้รับคำชื่นชมมากมายมาแล้วทั่วโลก

“เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” สะท้อนถึงกลิ่นอายแนวคิดการออกแบบรถยนต์ขนาดเล็กในอนาคตจากค่ายฟอร์ดสำหรับตลาดยุโรป เอเชีย และอเมริกาเหนือ โดยคุณลักษณะและแนวคิดในการออกแบบที่โดดเด่นบางส่วนที่ได้เห็นใน “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” นี้จะถ่ายทอดมาสู่รถยนต์นั่งขนาดเล็ก (B-Car) ที่ฟอร์ดพร้อมจะผลิตต่อไปในอนาคต พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกค้าทั่วโลก

นายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “เราตื่นเต้นมากที่แนวคิดในการสร้างสรรค์รถต้นแบบ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” คันนี้ ได้เป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กระดับโลกที่เราจะผลิตในประเทศไทยในอนาคต และถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สื่อถึงกลยุทธ์ “ให้ทุกวันเป็นวันของคุณ” ของเราได้เป็นอย่างดี”

“เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” คือผลลัพธ์ที่โดดเด่นในการถ่ายทอดรูปลักษณ์จากปรัชญาการออกแบบ “เคเนอติก ดีไซน์” (kinetic design) อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลงานของทีมนักออกแบบของฟอร์ดในยุโรป ฟอร์ดนำรถต้นแบบคันนี้มาโชว์ให้คนไทยได้เห็น เข้าใจ และสัมผัสจุดเด่นของการออกแบบดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ก่อนที่ลูกค้าชาวไทยจะได้เห็นกลิ่นอายและองค์ประกอบของการออกแบบนี้ปรากฏในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เราจะนำออกสู่ตลาดปลายปีนี้และในอนาคตต่อไป” นายสาโรชกล่าว

“เคเนอติก ดีไซน์” หัวใจสำคัญของออกแบบ
มิสเชลเซีย เลา หัวหน้าทีมนักออกแบบของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี-เอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา โครงการพัฒนารถยนต์สำหรับจีนและอาเซียน เปิดเผยว่า “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์ รุ่น 4 ประตูคันนี้ ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นจากการนำแนวคิดการออกแบบ “เคเนอติก” หรือ จลนศิลป์ มาใช้ในรถยนต์ขนาดเล็กเป็นครั้งแรก เพื่อสื่อถึงความปราดเปรียว เร้าอารมณ์ และความประณีตพิถีพิถันในการออกแบบ หรือที่ทีมนักออกแบบให้คำจำกัดความว่า “เปี่ยมพลังพร้อมทะยาน” (Energy in Motion)

ทีมนักออกแบบของฟอร์ดได้สร้างสรรค์รูปทรงและเส้นสายที่โค้งลื่นไหล สื่อถึงพลังและความปราดเปรียวตามหลัก “เคเนอติกดีไซน์” ทำให้ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” คันนี้เพรียวลม และทรงพลัง รูปลักษณ์ด้านหน้าผสานความทรงพลังและความสะดุดตา ส่งพลังต่อเนื่องถึงตัวถังผ่านเส้นโค้งของซุ้มล้อไปยังด้านท้าย สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทรงพลังและทันสมัย เติมความเท่ด้วยสีม่วง Frosted Grape ทำให้ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” เป็นรถยนต์ที่นำแฟชั่น มีดีไซน์ร่วมสมัยสะดุดตามากที่สุดคันหนึ่ง

“เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” เป็นรถเล็กที่พัฒนาขึ้นสำหรับคนยุคใหม่อย่างแท้จริง” มิสเชลเซีย โล กล่าว “คนกลุ่มนี้กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดเทรนด์ใหม่ๆ พวกเขาเกิดมาพร้อมกับโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ต และให้ความสำคัญกับความประณีตแม่นยำและความล้ำสมัยของเทคโนโลยี นั่นคือ เหตุผลที่ทำให้เราเชื่อมั่นในรถยนต์ขนาดเล็กของเราในอนาคต ที่จะพัฒนาจากรถต้นแบบ “เวิร์ฟ คอนเซ็ปต์” ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพฤติกรรม การใช้ชีวิต ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้”

รถเล็กที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก
รถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ฟอร์ดจะผลิตในอนาคต ออกแบบและสร้างสรรค์ขึ้นในยุโรป และจะผลิตในโรงงานของฟอร์ดทั่วโลก

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และมาสด้า มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น ได้ประกาศเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 ถึงการร่วมลงทุนมูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐในการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ที่เดียวกันกับออโต้
อัลลายแอนซ์ (AAT) โดยจะใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความยืดหยุ่นในการประกอบรถยนต์ขนาดเล็กของฟอร์ดและมาสด้า โดยจะเริ่มผลิตในพ.ศ. 2552

เมื่อโครงการสำเร็จสมบูรณ์ โรงงานแห่งนี้จะมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 275,000 คันต่อปี จากปัจจุบัน 175,000 คันต่อปี เพื่อผลิตและจำหน่ายรถยนต์ขนาดเล็กของฟอร์ดและมาสด้าทั้งในประเทศ และส่งออกไปยังตลาดอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และแอฟริกาใต้

18 มี.ค. 2551

MAZDA CX-9 เจ้าแห่งรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งยุค




มาสด้า CX-9 เจ้าแห่งรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งยุค
กรุงเทพฯ – ประเทศไทย, 17 มีนาคม 2551 – นับจากเปิดตัว เมื่อปี 2007 มาสด้า CX-9 ก็ถือเป็นรถในกลุ่ม SUV ที่โดดเด่นเหนือใคร ได้รับการตอบรับด้วยรางวัลจากสถาบันการันตีคุณภาพนานาชาติทั่วโลก ล่าสุดคว้าทั้งรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี Truck of the Year ปี 2008 จากทวีปอเมริกาเหนือ และรางวัล 2008 Motor Trend Sport/Utility of the Year แห่งปี 2008 จากนิตยสาร Motor Trend ด้วยสถิติยอดขาย 25,566 คัน ในเวลาเพียง 10 เดือนนับจากเปิดตัว และยังคงทำยอดขายที่น่าประทับใจมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อนับรวมรางวัลคุณภาพที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก มาสด้า CX-9 ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นรถชั้นนำอย่างแท้จริง

มร. จิม โอ ซัลลิแวน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาสด้า อเมริกาเหนือ กล่าวว่า “การที่มาสด้า CX-9 สามารถทำยอดขายได้ดีเยี่ยมในช่วงปีที่ผ่านมา แม้ในขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์อยู่ในภาวะที่ไม่ดีนัก แสดงให้เห็นว่ารถยนต์รุ่นนี้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์แบบ และในช่วงเวลาเพียงปีเดียวหลังจากเปิดตัว ก็ได้รับคำชื่นชมมากมาย เห็นได้จากบทความเกี่ยวกับรถยนต์ต่าง ๆ กล่าวได้ว่า CX-9 เป็นรถยนต์รุ่นที่เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยมและยังคงก้าวต่อไปได้อย่างสวยงาม”
รางวัลต่าง ๆ ที่มาสด้า CX-9 ได้รับ ได้แก่
• รถยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปอเมริกาเหนือ 2008
• รถเอสยูวีแห่งปี 2008 นิตยสาร Motor Trend
• รถครอบครัวยอดเยี่ยม จากเคลลี่ บลู บุ๊ค
• รถสำหรับครอบครัวใหญ่ยอดเยี่ยม จากเว็บไซต์ Cars.com
• รถครอบครัวยอดเยี่ยม จากเว็บไซต์ Cars.com
• รางวัล All-Stars 2008 จากนิตยสาร Automobile
• รถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดกลาง/ใหญ่ยอดเยี่ยม จากนิตยสาร Kiplinger's Personal Finance ฉบับรถยนต์
• หนึ่งในห้ารถยอดเยี่ยมแห่งปี 2008 จากนิตยสาร Car and Driver
• รถเอสยูวีขนาดกลางที่น่าซื้อที่สุด จาก Consumer Guide
• รถเอสยูวีราคาต่ำกว่า 35,000 ดอลล่าร์ ที่น่าซื้อที่สุดประจำปี 2007 จากเว็บไซต์ Edmunds.com
• รถครอบครัวยอดเยี่ยมแห่งปี จากสมาคมสื่อยานยนต์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAMO)

นอกจากรางวัลต่าง ๆ แล้ว มาสด้า CX-9 ยังได้รับการประเมินมาตรฐานด้านความปลอดภัยในระดับห้าดาวซึ่งดีที่สุด จากการทดสอบการชนจากด้านหน้าและด้านข้างทดสอบ โดยสำนักงานเพื่อความปลอดภัยด้านจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NHTSA) และได้รับการประเมินความปลอดภัยระดับสูงสุดจากสถาบันรับประกันความปลอดภัยบนทางหลวง (IIHS) ในด้านระบบการป้องกันการชนด้านหน้าและด้านข้าง
มาสด้า CX-9 ผสานพลังแห่งการขับขี่แบบรถสปอร์ต และประโยชน์ใช้สอยที่เพียบพร้อมแบบเอสยูวีขนาด 7 ที่นั่ง ขุมกำลังขนาด 273 แรงม้าภายใต้เครื่องยนต์ 3.7 ลิตร V6 ระบบ Roll Stability Control ระบบ Blind Spot Monitoring (BSM) อันล้ำสมัย ช่วยให้สามารถขับขี่อย่างปลอดภัยบนสภาพถนนและทัศนวิสัยที่ไม่เอื้ออำนวย พร้อมระบบความปลอดภัยอื่น ๆ นอกจากนั้น ยังมีอุปกรณ์ใหม่ ๆ อย่างเครื่องเล่นดีวีดี เพื่อความบันเทิงแบบไร้ขีดจำกัดสำหรับทั้งคนขับและผู้โดยสาร มาสด้า CX-9 มีให้เลือก 3 รุ่นคือ Sport, Touring และ Grand Touring ในราคาเริ่มต้นที่ 29,400 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 940,000 บาท
พบกับมาสด้า CX-9 ได้ที่บูธมาสด้าในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม – 6 เมษายน ศกนี้
รถยนต์ของมาสด้าเป็นที่คุ้นเคยในเมืองไทยมานานกว่า 57 ปี และยังคงดำเนินบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย มาสด้ามุ่งมั่นในการนำอารมณ์สนุกสนานวัยเด็กกลับมาสู่ทุกท่านอีกครั้ง ด้วยการผลิตรถยนต์ภายใต้แนวคิด "ซูม-ซูม" อันเปี่ยมไปด้วยคุณลักษณะแห่งความ "ท้าทาย" "สร้างสรรค์" และ "ร่าเริง" เพื่อให้ทุกการขับขี่ของคุณไม่ใช่เพียงการเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง นอกเหนือจากยนตรกรรมอันทรงเอกลักษณ์แล้ว เรายังทุ่มเทอย่างหนักในการพัฒนาการบริการหลังการขายเพื่อให้ลูกค้าของมาสด้าทุกคนได้รับความพึงพอใจ เพราะเรายึดมั่นว่า รอยยิ้มของท่านคือความภาคภูมิใจของเรา
เชิญสัมผัสและทดลองขับรถปิคอัพขับสนุกมาสด้า BT-50 สปอร์ตปิคอัพ พลังแรง และรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานของมาสด้า 92 แห่งทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มาสด้า สปีดไลน์ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2661-9880 หรือต่างจังหวัดโทรฟรี ได้ที่หมายเลข 1-800-226-408

เจนเนอรัล มอเตอร์ส เปิดตัว Advanced Design Center




จีเอ็มผลิตยานยนต์แห่งศตวรรษใหม่ ด้วยทีมออกแบบและศูนย์ปฏิบัติการ ระบบอีเฟล็กซ์แห่งเดียวในโลก

มิชิแกน – เจนเนอรัล มอเตอร์ส เปิดตัวศูนย์การออกแบบแห่งใหม่เพื่อยานยนต์แห่งอนาคตที่จะขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า สตูดิโอโฉมใหม่ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณศูนย์การออกแบบ Advanced Design Center ของจีเอ็มนี้เป็นเจ้าของผลงานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต้นแบบ “เชฟโรเลต โวลต์” ซึ่งเปิดตัวไปแล้ว ในงาน North American International Auto Show

ศูนย์การออกแบบ “ระบบอีเฟล็กซ์” (E-Flex Systems) ในมิชิแกนนี้มีหน้าที่พัฒนาและคิดค้นยานยนต์หลากหลายรูปแบบที่ล้วนขับเคลื่อนด้วยระบบอีเฟล็กซ์ เริ่มจากรุ่นต้นแบบของเชฟโรเลต โวลต์ โดยศูนย์ฯ แห่งนี้เป็นหน่วยงานเดียวในโลกที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อการคิดค้นและพัฒนายานพาหนะพลังไฟฟ้าโดยเฉพาะ

บ็อบ โบนิฟาซ ผู้อำนวยด้านการออกแบบของอีเฟล็กซ์ สตูดิโอ และเชฟโรเลต โวลต์ เป็นผู้ควบคุมทีมซึ่งประกอบด้วยนักออกแบบ ประติมากร วิศวกรออกแบบ นักวิทยาศาสตร์ และทีมงานบริหาร ทั้งหมดราว 45 คน และยังเป็นผู้นำในการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกให้เชฟโรเลต โวลต์ กล่าวว่า “ทีมงานของเราประกอบด้วยนักออกแบบรุ่นใหม่และนักออกแบบที่มีประสบการณ์สูง ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น และมุ่งมั่น ทั้งยังมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำเช่นเดียวกับตัวผม พวกเราพยายามที่จะพัฒนาทางเลือกที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นคำตอบที่จะนำเราหลุดพ้นจากการพึ่งพาน้ำมัน และผลลัพธ์เบื้องต้นของสิ่งที่ผมกล่าวถึงก็คือเชฟโรเลต โวลต์ คันนี้”

เชฟโรเลต โวลต์ รถยนต์คันแรกที่ออกแบบโดยสตูดิโอแห่งใหม่ ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊ก สามารถวิ่งได้โดยไม่ใช้เชื้อเพลิงเป็นระยะทางกว่า 64 กิโลเมตร เพียงพอต่อความต้องการถึง 2 ใน 3 ในการขับขี่แต่ละวันของประชากรอเมริกัน ตามข้อมูลอ้างอิงจากรัฐบาล รถยนต์ตระกูลอีเฟล็กซ์คันแรกนี้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าโดยมีแบตเตอรี่เป็นตัวจ่ายพลังงาน โดยสามารถประจุพลังงานใหม่ได้ในขณะที่รถยนต์วิ่ง จากการสันดาปของเครื่องยนต์ที่ใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซิน ดีเซล หรือเอธานอล หรือจะประจุพลังงานง่ายๆ ด้วยการเสียบปลั๊กในบ้าน ขณะไม่ได้ใช้รถยนต์ก็ได้เช่นกัน
สิ่งสำคัญที่ท้าท้ายทีมออกแบบก็คือการพัฒนาระบบแอโรไดนามิกส์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อพัฒนาให้รถยนต์ต้นแบบดำเนินกระบวนการต่อไปสู่การผลิตเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งการพัฒนาระบบแอโรไดนามิกส์นับเป็นขั้นตอนสำคัญยิ่งยวดในเป้าหมายหลายประการ ที่ใช้ประกอบการพิจารณาขั้นสุดท้ายก่อนการตัดสินใจผลิตจริง โดยทีมออกแบบต้องทำงานร่วมกับวิศวกร ผู้เชี่ยวชาญด้านแอโรไดนามิกส์ และนักวิทยาศาสตร์หลายคนเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพด้านพลังงานของเชฟโรเลต โวลต์ ให้ดีที่สุดด้วยระบบแอโรไดนามิกส์

“สิ่งหนึ่งที่การออกแบบช่วยให้รถยนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็คือประโยชน์จากระบบแอโรไดนามิกส์ ซึ่งเกิดจากรูปทรงรถยนต์ การร่วมมือกันของนักออกแบบกับวิศวกรแอโรไดนามิกส์ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดการประหยัดพลังงานหรือวิ่งได้ระยะไกลขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้เราสามารถผลิตยานยนต์ที่มีรูปลักษณ์ดึงดูดสายตา ด้วยรูปทรงที่หลากหลายอีกด้วย” เอ็ด เวลเบิร์น รองประธานกรรมการฝ่ายการออกแบบทั่วโลกของจีเอ็ม กล่าว

โดยทั่วไป ระบบแอโรไดนามิกส์จะช่วยลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงลงเฉลี่ย 20 % โดยทีมนักออกแบบของจีเอ็มจะอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เพื่อพัฒนาให้รถยนต์ของจีเอ็มทุกคันเป็นรถยนต์ที่ประหยัดพลังงานทั้งหมด แท้ที่จริง จากความได้เปรียบของการออกแบบและความสามารถในการพัฒนาระบบแอโรไดนามิกส์ ทำให้จีเอ็มสามารถผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานให้กับตลาดมากกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ

ไม่ไกลจากสตูดิโอออกแบบระบบอีเฟล็กซ์แห่งใหม่ จีเอ็มได้ทำการทดลองด้านแอโรไดนามิกส์ขึ้น ณ ห้องปฏิบัติการแอโรไดนามิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคิดค้นยานพาหนะที่สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำมันตามนโยบายของรัฐบาลในขณะนั้น ภายในห้องปฏิบัติการฯ ประกอบด้วยอุโมงค์ลมและพัดลมเพื่อการทดสอบด้านยานยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งสามารถสร้างกระแสลมจำลองในอัตราความเร็วกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมด้วยระบบบันทึกข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Real Time) ระบบแสดงผลตรวจวัดแรง ความเร็ว ความดัน อุณหภูมิ และเสียงของลมจำลอง

“ขณะนี้เราอยู่ ณ จุดกึ่งกลางของยุคใหม่แห่งการออกแบบ ทีมงานของเราทุกคนพยายามอย่างยิ่งในการพัฒนารถยนต์ที่จะประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น และพัฒนาให้รถยนต์ระบบไฟฟ้าวิ่งได้เป็นระยะทางที่ไกลขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้” เวลเบิร์น กล่าวสรุป


บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น สหรัฐอเมริกา (General Motors Corporations: GM) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้นำด้านยอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกถึง 76 ปี ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2451 ปัจจุบันมีพนักงานทั่วโลกกว่า 280,000 คน โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ เมืองดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา และมีศูนย์การผลิตรถยนต์และรถกระบะใน 33 ประเทศ ในปี 2549 จีเอ็มจำหน่ายรถยนต์และรถกระบะไปกว่า 9.1 ล้านคัน ภายใต้แบรนด์ บูอิค (Buick) คาดิแลค (Cadilac) เชฟโรเลต (Chevrolet) จีเอ็มซี (GMC) โฮลเดน (Holden) ฮัมเมอร์ (Hummer) โอลสโมบิล (Oldsmobile) โอเปิ้ล (Opel) พอนทิแอค (Pontiac) ซาบ (Sabb) ซาเทิร์น (Saturn) และว็อกซ์ฮอล (Vauxhall) นอกจากนั้น ระบบนำทางและขอความช่วยเหลือด้วยสัญญาณดาวเทียม ออนสตาร์ (OnStar) ของจีเอ็ม ทำให้จีเอ็มกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ด้านความปลอดภัยและบริการด้านข้อมูลอีกด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจีเอ็ม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.gm.com และ www.gmnext.com

เมอร์เซเดส-เบนซ์ฉลองครบรอบ 10 ปี






เปิดตัวสปอร์ตโรดสเตอร์นิวเจเนเรชั่น พวงมาลัยขวา
SL และ SLK ครั้งแรกของโลก 2 รุ่นซ้อน
ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์
• เปิดตัวพวงมาลัยขวาครั้งแรกของโลก The new generation SL 350 และ SLK 200 K
• เปิดตัวยนตรกรรมรุ่นล่าสุดอีก 4 รุ่นพร้อมกัน
• ยลโฉมออฟโรดใหม่เอ็กซ์คลูซีฟระดับหรู M-Class Edition10
• พบกับการกลับมาอีกครั้งของยานยนต์สุดหรู S 320 CDI
• แคมเปญสุดพิเศษสำหรับ E-Class
กรุงเทพฯ – บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด สืบสานความเป็นผู้นำแห่งวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยการนำขบวนยนตรกรรมระดับหรูทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถเพื่อการพาณิชย์รวมทั้งสิ้น 17 คัน พร้อมด้วยเอ็กซ์ซิบิชั่นแสดงเทคโนโลยี มาโชว์บนพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุด พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษคุ้มค่าแห่งการรอคอยสำหรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2551 นี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา
สำหรับธีมหรือใจความสำคัญของงานที่ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์นำมาใช้ในปีนี้ คือ “Road to the Future” รถยนต์ทุกคันที่นำมาโชว์ในปีนี้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นรุ่นล่าสุดของปี 2008 ทั้งสิ้นเทียบเท่างานแสดงระดับโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดเอ็กซ์ซิบิชั่นพิเศษแสดงเรื่องราวของเทคโนโลยีต่างๆ ของเมอร์เซเดส–เบนซ์ รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล CDI รุ่นใหม่ล่าสุด และโชว์ระบบช่วงล่าง agility package ที่ติดตั้งอยู่ในรุ่น C-Class โฉมใหม่ที่คุณจะต้องทึ่งในความล้ำสมัย
มร. โวลฟ์กัง ฮุบเพ็นบาวเออร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้มีการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับแสดงรถในงานมอเตอร์โชว์ไว้อย่างยิ่งใหญ่ บนพื้นที่ของบูธรวมทั้งสิ้น 1,620 ตรม. ภายใต้แนวคิด “Road to the Future” ซึ่งไม่เพียงแค่นำเอายนตรกรรมที่มีความโดดเด่น และเป็นรุ่นล่าสุดมาจัดแสดงเท่านั้น แต่ยังได้นำเอาเรื่องราวของเทคโนโลยีต่างๆ การออกแบบ และที่ขาดไม่ได้คือเรื่องความปลอดภัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์มาโชว์ด้วยเช่นกัน”
“หลักๆ แล้วจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีล่าสุดที่มีอยู่ในรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นต่างๆ ซึ่งทางบริษัทฯเองต้องการนำเสนอสู่ท้องตลาดในปีนี้ โดยถือเป็นการรวบรวมเอาเทคโนโลยีที่สร้างชื่อเสียงให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาให้ผู้ที่เข้ามาชมงานได้ชมและสัมผัสมอย่างใกล้ชิด อาทิ เรื่องของระบบความปลอดภัย รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย”
ไฮไล้ท์พิเศษเนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปีของบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ในปีนี้ คือการเปิดตัวสุดยอดยนตรกรรมสปอร์ตโรดสเตอร์พวงมาลัยขวารุ่นล่าสุดเป็นครั้งแรกของโลกถึง 2 รุ่นซ้อน คือ The new generation SL 350 และ The new generation SLK 200 เพื่อให้ชาวไทยได้ยลโฉมพร้อมกันกับเวทีงานมอเตอร์โชว์ใหญ่ๆ ระดับโลก นอกจากนี้ยังเปิดตัวอ๊อฟโรดรุ่นใหม่อีดิชั่นพิเศษล่าสุด ML 280 CDI Edition 10 สำหรับท่านลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์ในสไตล์ SUV ระดับพรีเมียม และที่พิเศษสุดตามคำเรียกร้องของท่านลูกค้าระดับไฮเอ็นด์ นั่นคือการกลับมาของยนตรกรรมระดับเฟิสท์คลาสของ S 320 CDI
สำหรับ The new generation SL 350 นั้น ทางวิศวกรของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เองได้พัฒนาเครื่องยนต์จาก V6 เดิมซึ่งให้อารมณ์การขับขี่ที่เป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้นโดยมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอีก 16 เปอร์เซ็นต์ หรือ 232 กิโลวัตต์/315 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที เพิ่มแรงบิดอีก 10 นิวตันเมตร เป็น 360 นิวตันเมตร ทำให้ The new generation SL 350 สามารถทำเวลาจาก 0 ถึง100 ในเวลาเพียงแค่ 6.2 วินาทีเท่านั้น ซึ่งเร็วกว่ารุ่นเดิม 0.4 วินาที โดยมีราคาอยู่ที่ 11.79 ล้านบาท
ในส่วนของ The new generation SLK 200 K ซึ่งได้รับการกล่าวขวัญในเรื่องของการออกแบบที่โดดเด่นของยนตรกรรมสไตล์สปอร์ต 2 ที่นั่ง มาครั้งนี้ได้ถูกพัฒนาให้ดึงดูดสายตามากขึ้นด้วยกันชนด้านหน้าดีไซน์ใหม่ โดยเน้นความเป็น V-shape ขณะที่ยังคงไว้ซึ่งความโดดเด่นของสัญลักษณ์ดาวสามแฉกบริเวณกระจังด้านหน้า ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ ซูเปอร์ชาร์จ ที่สามารถรีดกำลังออกมาได้ถึง 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนถึง 15 กิโลวัตต์ และเพิ่มความปราดเปรียวในการขับขี่มากขึ้นด้วยเทอร์โบชาร์จ รวมถึงขนาดของลูกสูบ นอกจากนี้ ยังให้แรงบิดเพิ่มขึ้นอีกจาก 240 เป็น 250 นิวตันเมตร ระหว่าง 2,800 ถึง 5,000 รอบต่อนาที ทำให้ SLK 200 K ใหม่นี้สามารถทำเวลาจาก 0 ถึง100 ได้ในเวลาเพียงแค่ 7.9 วินาที โดยสามารถทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 232 กิโลเมตร/ชม. สนนราคารถรุ่นนี้จะอยู่ที่ 4.5 ล้านบาท
ในส่วนของรถยอดนิยมอย่าง The new C-Class โฉมใหม่ตั้งแต่แนะนำตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วคือ C 200 AVANTGARDE และ C 200 ELEGANCE ก็ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง ด้วยองค์ประกอบที่ลงตัว อาทิ รูปลักษณ์ภายนอกที่ใหม่ตั้งแต่หัวจรดท้าย ระบบความปลอดภัย PRE-SAFE® และระบบช่วงล่างแบบ AGLITY CONTROL ที่ทำให้ The new C-Class มีความนุ่มนวลสะดวกสบาย และคล่องแคล่วปราดเปรียวมากขึ้น บวกกับการได้รับรองจากหน่วยงาน Euro NCAP ให้เป็นรถยนต์ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในรถยนต์ระดับเดียวกันโดยสามารถทำคะแนนสูงสุดถึงระดับ 5 ดาว
เพื่อให้เป็นทางเลือกมากขึ้นสำหรับท่านลูกค้า ทางบริษัทฯ จึงได้นำรุ่น C 230 2.5 AVANTGARDE ซึ่งถือเป็นรุ่นท๊อปของอนุกรม C-Class ที่มาพร้อมขุมพลังแบบซูเปอร์ชาร์จ 6 สูบ 24 วาล์ว 2,496 ซีซี. ให้แรงม้าสูงสุด 204 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 245 นิวตันเมตรที่ 2,900 – 5,500 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยนอกเมืองอยู่ที่ 6.8-7.0 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร สำหรับราคาเปิดตัวนั้นอยู่ที่ 3,499,000 บาท
ในส่วนของ E-Class นั้นได้นำมาแสดงในงานถึง 5 รุ่นด้วยกัน ตั้งแต่ E 200 K, E 230 2.5, E 220 CDI, E 280 3.0 และ E 200 NGT ที่สามารถใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แถมพกด้วยแคมเปญพิเศษสุดๆแห่งปีสำหรับ E-Class ด้วยดอกเบี้ย 0% ตลอดอายุสัญญาสำหรับรุ่น E 200 KOMPRESSOR ELEGANCE, E 220 CDI AVANTGARDE, E 230 2.5 AVANTGARDE, และ E 280 3.0 AVANTGARDE Sports พร้อมประกันภัยชั้น 1 ฟรี 2 ปีกรณีซื้อด้วยเงินสด และรับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 20,000 หรือ 60,000 บาทพิเศษเฉพาะผู้ซื้อรถรุ่น E 280 3.0 AVANTGARDE
ในส่วนรถยนต์นั่งเพื่อการพาณิชย์ บริษัทฯได้นำรถตู้แวน Vito รุ่น Extra Long Wheelbase ซึ่งมีความพิเศษตรงที่มีความยาวถึง 5,223 มม. ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง หรูหราและสะดวกสบายเหมาะทั้งใช้งานธุรกิจ และครอบครัว นอกเหนือจากอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยต่างๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์แล้วยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ อาทิ ประตูบานเลื่อนไฟฟ้า ซ้าย-ขวา (electric sliding door) ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (Parktronic) และระบบระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) เป็นต้น Vito 115 CDI มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2,148 ซีซี 150 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 2,650,000 บาท
สำหรับท่านที่ต้องการร่วมเป็นสมาชิกบัตรเครดิต MercedesCard ภายในงาน จะได้รับสิทธิยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี 3 ปีแรกพร้อมชุดของที่ระลึกและสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมายที่คัดสรรเพื่อท่านโดยเฉพาะ
และพลาดไม่ได้สำหรับบรรดานักสะสมคอลเล็คชันเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้บริษัทฯได้คัดสรรของสะสมที่ออกแบบและผลิตโดยใช้วัสดุคุณภาพไม่ว่าจะเป็นชุดเสื้อผ้า นาฬิกาสำหรับผู้บริหาร พวงกุญแจ รถโมเดลรุ่น C-Class, CL-Class และรถคลาสสิก เป็นต้น ไฮไล้ท์พิเศษสำหรับนักสะสมรถโมเดล บริษัทฯ มีความยินดีขอนำเสนอชุดรถโมเดล CLK DTM AMG Coupé และ Cabriolet ขนาด 1:43 ซึ่งมีจำหน่ายในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้เพียง 6 ชุดเท่านั้นจากจำนวนการผลิตเพียง 1,000 ชุดทั่วโลก
พบกับขบวนสุดยอดยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดรวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ อันล้ำสมัยของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่แนล มอเตอร์โชว์ 2008

15 มี.ค. 2551

Chevy Mobile Service ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน




เชฟโรเลต สนับสนุน กรมการขนส่งทางบกจัดกิจกรรม
ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน มุ่งรณรงค์สวัสดิภาพและความปลอดภัยบนท้องถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2551
- เปิดให้บริการตรวจเช็คสภาพรถเบื้องต้นโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายที่เชฟโรเลตทุกสาขาทั่วประเทศ

กรุงเทพฯ – เชฟโรเลต เดินหน้าส่งเสริมการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดร่วมสนับสนุนกิจกรรมของกรมการขนส่งทางบก “ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน” ภายใต้โครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2551 ที่จะมาถึงนี้ โดยเปิดให้บริการตรวจเช็ครถเบื้องต้นสำหรับลูกค้าเชฟโรเลตทุกรุ่นโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายที่ศูนย์บริการเชฟโรเลตทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม- 11 เมษายนศกนี้

โครงการ “ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน” ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2551 นี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม และภาคเอกชนอันประกอบด้วย บริษัทรถยนต์ บริษัทรถจักรยานยนต์ บริษัทประกันภัย สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ และศูนย์บริการรถยนต์ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อร่วมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างมีประสิทธิภาพในทุกจังหวัดทั่วประเทศ

เชฟโรเลต ซึ่งให้การสนับสนุนเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการนี้ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนน ให้เตรียมตัวออกเดินทางด้วยความพร้อมและมั่นใจสูงสุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเชิญชวนลูกค้าเชฟโรเลตทั่วประเทศนำรถเข้ารับการตรวจสภาพรถยนต์เบื้องต้น 20 รายการ ฟรี* พร้อมทั้งรับข้อแนะนำเกี่ยวกับการตรวจเช็ครถเบื้องต้นและสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ก่อนการเดินทางโดยช่างผู้ชำนาญการ ณ ศูนย์บริการเชฟโรเลตทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 11 เมษายนศกนี้

ทั้งนี้ ในพิธีเปิดกิจกรรม “ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน” อย่างเป็นทางการ เชฟโรเลต ได้นำศูนย์บริการเชฟโรเลตเคลื่อนที่ (Chevy Mobile Service) ที่ครบครันด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ มาจัดแสดง พร้อมด้วยช่างผู้ชำนาญการมาสาธิตการตรวจเช็คสภาพความพร้อมเบื้องต้นของรถ อาทิ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง การเช็คตามระยะ การเปลี่ยนสายพาน ฯลฯ อีกทั้งยังเชิญชวนผู้ใช้รถตรวจเช็คสภาพรถก่อนเดินทางเพื่อความปลอดภัยในทุกเส้นทางการขับขี่ ณ กรมการขนส่งทางบก

*หมายเหตุ บริการตรวจสภาพรถยนต์เบื้องต้น 5 ระบบสำคัญ ฟรี 20 รายการ ประกอบด้วย
ระบบเครื่องยนต์
• ตรวจเช็คการทำงานของเครื่องยนต์
• จุดรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง
• ระบบระบายความร้อน
• ยางแท่นเครื่องและเกียร์
• ระบบไฟชาร์จ
• แบตเตอรี่
ระบบส่งกำลังและบังคับเลี้ยว
• ตรวจเช็คระบบอิเล็คทรอนิคของเกียร์อัตโนมัติ
• จุดรั่วซึมของน้ำมันเกียร์
• ระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
• ยางหุ้มแรคพวงมาลัย
• จุดรั่วซึมของน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
ระบบช่วงล่าง
• ตรวจเช็คระบบอิเล็คทรอนิคแชชซีส (ABS)
• สภาพยางและลมยาง
• ระบบเบรค และระดับน้ำมันเบรค
• การทำงานของเบรคมือ
• โช๊คอัพหน้า-หลัง (ดูการรั่วซึม)
ระบบปรับอากาศ
• การทำงานของพัดลม โบลเวอร์แอร์
• ความเย็นของแอร์
ระบบไฟฟ้าส่องสว่างและอุปกรณ์
• ไฟสัญญาณและส่องสว่างรอบคัน
• ใบปัดน้ำฝน และปุ่มน้ำฉีดล้างกระจก
จากภาพ:

ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มอบโล่เกียรติคุณแก่ มร. สตีฟ คาร์ไลส์ ประธานกรรมการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมร่วมถ่ายภาพกับ ชาติชาย สุวรรณเสวก กรรมการอำนวยการบริหาร บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด และ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ประจำภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย และ ศิลปชัย จารุเกษมวัฒนะ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในโอกาสที่เชฟโรเลตร่วมสนับสนุนกิจกรรม “ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน” ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2551 ตามโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ทั้งนี้ เชฟโรเลต ได้เปิดให้บริการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์เบื้องต้น 20 รายการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าเชฟโรเลตทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 11 เมษายน 2551 ณ ศูนย์บริการเชฟโรเลตทุกสาขาทั่วประเทศ