31 ก.ค. 2550
เชฟโรเลต ออพตร้า รุ่นปรับโฉมใหม่
26 กรกฏาคม 2550
*********************************************
เชฟโรเลต ออพตร้า รุ่นปรับโฉมใหม่ พร้อมวางตลาดทั่วประเทศสิงหาคมนี้
• กระจังหน้า ไฟหน้าโฉมใหม่ เสริมรูปลักษณ์ ออพตร้า ให้สปอร์ตยิ่งขึ้น
• เพิ่มความคุ้มค่าจากการตกแต่งใหม่ พร้อมเพิ่มอุปกรณ์ต่าง ๆ กว่าสิบรายการ
• เร้าใจด้วยข้อเสนอพิเศษให้เป็นเจ้าของรถยนต์เชฟโรเลต ออพตร้า โฉมใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น
กรุงเทพฯ – เชฟโรเลต ออพตร้า รุ่นปรับโฉมใหม่ สวย สปอร์ต สะดุดตา พร้อมตกแต่งเพิ่มเติมอุปกรณ์ต่างๆ กว่า 10 รายการ ทั้งในรุ่นซีดานที่มีให้เลือกใช้ทั้ง เครื่องยนต์ 1.6 และ 1.8 ลิตร รุ่นเอสเตท 1.6 ลิตร และรุ่นพิเศษอื่นๆ พร้อมที่โชว์รูม เชฟโรเลต ทั่วประเทศตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมนี้
เชฟโรเลต เตรียมนำรถยนต์ซีดานยอดนิยม เชฟโรเลต ออพตร้า รุ่นปรับโฉมใหม่ออกวางตลาดทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2550 นี้ ซึ่งออพตร้าได้รับการปรับโฉมอย่างโดดเด่นสะดุดตา พร้อมทั้งตกแต่ง เพิ่มเติมอุปกรณ์ต่าง ๆ กว่า 10 รายการ เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับลูกค้ารถยนต์เชฟโรเลตมากยิ่งขึ้น
ทางด้าน มร.จอห์น ธอมสัน รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ออพตร้า เป็นหนึ่งในยนตกรรมคุณภาพของเชฟโรเลตที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในประเทศไทย ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ได้แนะนำสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในปี 2546 และเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของเชฟโรเลต ซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงคุณภาพ และความไว้วางใจของผู้บริโภคที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี และในปี 2550 นี้ เชฟโรเลตได้แนะนำ เชฟโรเลต ออพตร้า รูปโฉมใหม่ ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ความสวยงาม ดูสปอร์ตมากขึ้น แต่ยังได้เพิ่มเติมรายละเอียด อุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้ออพตร้ารุ่นนี้ มีความคุ้มค่ากับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ขณะที่ยังคงมีสมรรถนะการขับขี่ ความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม และแน่นอนว่า ออพตร้า ยังคงเอกลักษณ์ในด้านความเงียบของห้องโดยสาร อันเป็นจุดเด่นของออพตร้าไว้เช่นเดิม และยังมั่นใจว่า ออพตร้า รุ่นปรับโฉมใหม่นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทยอีกครั้งแน่นอน”
เชฟโรเลต ออพตร้า มาพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่รอบคัน ตั้งแต่กระจังหน้าแบบใหม่ที่มีขนาดใหญ่พร้อมตะแกรงรังผึ้งเสริมความสปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์โบว์ไทขนาดใหญ่ขึ้น กรอบไฟหน้าเปลี่ยนเป็นทรงหยดน้ำที่ทำให้ส่วนหน้าของรถมีความกว้างและสปอร์ตมากขึ้นด้วยหลอดไฟหน้าขนาดใหญ่ แผงกันชนหน้าเป็นแบบใหม่พร้อมฝังไฟตัดหมอกทรงกลม(มีเฉพาะรุ่น 1.6LUX และ 1.8LT) เพิ่มความดุดันมากยิ่งขึ้น ที่บริเวณซุ้มล้อหน้าเปลี่ยนแผงบังโคลนใหม่ คิ้วด้านข้างรถเป็นแบบโครเมี่ยม พร้อมก้านจับเปิด-ปิด ประตูแบบใหม่ เปลี่ยนกระจกมองข้างเป็นแบบติดตั้งไฟเลี้ยว (มีเฉพาะรุ่น 1.6LUX และ 1.8LT) และมีสีแบบใหม่ Sparking Tan มาให้เลือกใช้ นอกจากนี้ในรุ่นสปอร์ต SS ยังเพิ่มชุดตกแต่งอีก 5 ชิ้น คือ สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง 2 ชิ้น สเกิร์ตหลัง และสปอยเลอร์หลัง
ส่วนการตกแต่งภายในเพิ่มความแปลกตาด้วยแผงข้างประตูและคอนโซลล่าสุด พร้อมชุดเครื่องเสียงแบบ 2-Din ที่เข้ามาเพิ่มความคุ้มค่าและหรูหรามากยิ่งขึ้น สามารถรองรับการเล่นวิทยุ และ CD หรือ MP3 แบบ 6 แผ่นใส่ที่ด้านหน้า พร้อมพอร์ต AUX (Auxiliary Port) สำหรับต่อพ่วงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น IPOD เบาะนั่งของออพตร้ารุ่นใหม่ยังเปลี่ยนลายใหม่ทั้งแบบเบาะผ้าและเบาะหนังอีกด้วย
เชฟโรเลต ออพตร้า รุ่นปรับโฉมใหม่นี้ มีให้เลือกใช้ทั้งในรุ่นมาตรฐาน 1.6LS และ 1.6LT รุ่นพิเศษ 1.6 LUX รุ่นท็อป 1.8LT และรุ่นสปอร์ตที่จะมีสัญลักษณ์ SS รวมทั้งออพตร้า เอสเตท โฉมใหม่ในรุ่น 1.6LT และ 1.6 LUX พร้อมยังมีรุ่น 1.6LS (CNG) 1.6LT (CNG) และ 1.6 Estate LT (CNG) ที่ใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติให้เลือกใช้ด้วยเช่นกัน เชฟโรเลต ออพตร้า โฉมใหม่ เริ่มต้นด้วยราคาเพียง 664,000 บาทเท่านั้น
นอกจาก ออพตร้า โฉมใหม่นี้จะได้รับการออกแบบตกแต่งใหม่ทั้งคันแล้ว ก็ยังเปี่ยมด้วยสมรรถนะที่ดีเช่นเดิม จากเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร 107 แรงม้า และขนาด 1.8 ลิตร 121 แรงม้า พร้อมยังคงเอกลักษณ์ของออพตร้าที่มากับความเงียบของห้องโดยสาร ความปลอดภัยด้วยโครงสร้างที่เป็นเหล็กกล้าถึง 40% ที่ทำให้ออพตร้ามีความแข็งแกร่งปกป้องผู้โดยสารอย่างดีเยี่ยม ขณะเดียวกันยังคงความมั่นคงของระบบช่วงล่างแบบยูโรไรด์ (Euro-Ride Suspensions) ที่ให้ความเกาะถนนอย่างดีเยี่ยมในสไตล์ของรถยุโรป พร้อมมอบความปลอดภัย ความมั่นคงในการขับขี่ตลอดเส้นทาง
ขณะเ้ดียวกัน เชฟโรเลต ยังมอบข้อเสนอที่เร้าใจเพื่อให้เป็นเจ้าของรถยนต์ เชฟโรเลต ออพตร้า ได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยข้อเสนอ “คุณผ่อนครึ่ง เราผ่อนครึ่ง” ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้อย่างชัดเจนของบริษัทฯ โดยลูกค้าจะผ่อนชำระเงินเพียงครึ่งราคาเป็นเวลานาน 6 เดือน เช่น เชฟโรเลต ออพตร้า 1.6LS รุ่นมาตรฐานจะผ่อนชำระเพียง 4,886 บาท/เดือน จากจำนวนเต็ม 9,773 บาท/เดือน หรือ ออพตร้า เอสเตท 1.6LT จะผ่อนชำระเพียง 5,843 บาท/เดือน จากจำนวนเต็ม 11,687 บาท
ราคารถยนต์ Chevrolet Optra รุ่นปรับโฉมใหม่ บาท
1) 1.6 MT LS 664,000
2) 1.6 AT LS 704,000
3) 1.6 MT LT 714,000
4) 1.6 MT LT Sport 749,000
5) 1.6 AT LT 774,000
6) 1.6 AT LT Sport 809,000
7) 1.8 AT LT 895,000
8) 1.6 AT LT Luxury 824,000
9) 1.6 AT LT Luxury Sport 859,000
10) 1.6 AT LS CNG 749,000
11) 1.6 AT LT CNG 819,000
12) 1.8 AT LT Sport 930,000
13) Estate 1.6 MT LT 794,000
14) Estate 1.6 AT LT 855,000
15) Estate 1.6 MT LT Sport 829,000
16) Estate 1.6 AT LT Sport 890,000
17) Estate 1.6 AT Luxury 911,000
18) Estate 1.6 AT LT Luxury Sport 946,000
19) Estate 1.6 AT LT CNG 900,000
# # #
26 กรกฏาคม 2550
*********************************************
ข้อมูลทางเทคนิค
CHEVROLET OPTRA SEDAN
เครื่องยนต์
1.6 LS A/T
1.6 LS A/T
1.6 LT M/T
1.6 LT AT
1.6 LUX AT
1.8 LT
แบบ ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว
ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีดมัลติพอยท์ (MPFI)
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) 1,598 1,799
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) 79 x 81.5 81.6 x 86
อัตราส่วนกำลังอัด 9.5 : 1 /9.8 : 1
กำลังสูงสุด (แรงม้า / รอบต่อนาที) 107 / 5,800 121 / 5800
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร / รอบต่อนาที) 150 / 4,000 160 / 4000
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อนล้อหน้า
ระบบส่งกำลัง เกียร์ธรรมดา
5 สปีด เกียร์อัตโนมัติ
4 สปีด เกียร์อัตโนมัติ
4 สปีด 1.8LT
อัตราทดเกียร์
เกียร์ 1 3.545 2.875 2.719
เกียร์ 2 2.158 1.568 1.487
เกียร์ 3 1.478 1.000 1.000
เกียร์ 4 1.129 0.697 0.717
เกียร์ 5 0.886 - -
เกียร์ถอยหลัง 3.333 2.300 2.529
สมรรถนะ
ความเร็วสูงสุด (กิโลเมตรต่อชั่วโมง) 187 184 194
อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (วินาที) 10.7 11.9 9.5
ระบบกันสะเทือน
หน้า อิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท, คอยล์สปริง โชคอัพแก๊ส และเหล็กกันโคลง
หลัง แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อม Dual Link, คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
ระบบพวงมาลัย 1.6LS 1.6LT 1.6LUX 1.8LT
ชนิด แบบ 3 ก้าน พร้อม Collapsible Column แบบ 4 ก้าน พร้อม Collapsible Column แบบ 4 ก้าน พร้อม Collapsible Column แบบ 4 ก้าน พร้อม Collapsible Column
ระบบเบรก
หน้า ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน
หลัง ดิสก์เบรก
ขนาดและน้ำหนัก
มิติภายนอก ยาว x กว้าง x สูง (มม.) 4,500 x 1,725 x 1,445
มิติภายในห้องโดยสาร ยาว x กว้าง x สูง (มม.) 1,925 x 1,460 x 1,180
ความยาวช่วงล้อ (มม.) 2,600
ความยาวช่วงล้อ หน้า / หลัง (มม.) 1,480 / 1,480
รัศมีวงเลี้ยว (ม.) 5.2
น้ำหนักรถเปล่าโดยประมาณ (กก.) 1.6LS M/T 1.6LS A/T 1.6LT M/T 1.6LT A/T 1.6LUX
A/T 1.8LT A/T
1,175 1,185 1,175 1,185 1,185 1,220
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร) 60
ล้อและยาง 1.6LS 1.6LT 1.6LUX 1.8LT
ขนาดล้อ ล้อกระทะ 6J x 15 อัลลอย 6J x 15
ขนาดยาง 195/55 R15
ข้อมูลทางเทคนิค
CHEVROLET OPTRA Estate
เครื่องยนต์ 1.6MT M/T 1.6LT A/T 1.6LUX A/T
แบบ ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว
ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีดมัลติพอยท์ (MPFI)
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) 1,598
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) 79 x 81.5
อัตราส่วนกำลังอัด 9.5 : 1
กำลังสูงสุด (แรงม้า) / รอบต่อนาที) 107 / 5,800
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร) / รอบต่อนาที) 150 / 4,000
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อนล้อหน้า
ระบบส่งกำลัง เกียร์ธรรมดา 5 สปีด เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
อัตราทดเกียร์
เกียร์ 1 3.545 2.875
เกียร์ 2 2.158 1.568
เกียร์ 3 1.478 1.000
เกียร์ 4 1.129 0.697
เกียร์ 5 0.886 -
เกียร์ถอยหลัง 3.333 2.300
สมรรถนะ
ความเร็วสูงสุด (กิโลเมตรต่อชั่วโมง) 187 184
อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (วินาที) 10.7 11.9
ระบบกันสะเทือน
หน้า อิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท, คอยล์สปริง โชคอัพแก๊ส และเหล็กกันโคลง
หลัง แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อม Dual Link, คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
ระบบพวงมาลัย
ชนิด พวงมาลัยเพาเวอร์ Rack and Pinion แบบ 4 ก้าน ปรับระดับขึ้น-ลงได้
ระบบเบรก
หน้า ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน
หลัง ดิสก์เบรก
ขนาดและน้ำหนัก
มิติภายนอก ยาว x กว้าง x สูง (รวมราวหลังคา) (มม.) 4,580 x 1,725 x 1,460 (1,500)
มิติภายในห้องโดยสาร ยาว x กว้าง x สูง (มม.) 1,925 x 1,452 x 1,190
ความยาวช่วงล้อ (มม.) 2,600
ความยาวช่วงล้อ หน้า / หลัง (มม.) 1,480 / 1,480
รัศมีวงเลี้ยว (ม.) 5.2
น้ำหนักรถโดยประมาณ (กก.) 1,255 1,265 1,255
น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุก (กก.) 1,765 1,600 1,600
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร) 60
ล้อและยาง
ขนาดล้อ อัลลอย 6J x 15
ขนาดยาง 195 / 55 R15
************************************
หมายเหตุ เมล์ข่าวนี้ส่งมาขณะผมไปต่างจังหวัด อยู่ในป่า ไม่ได้รายงานทันที ต้องขออภัย
26 ก.ค. 2550
Nissan NV200 concept
Nissan NV200 concept
เผยโฉมหน้าตาของ นิสสัน เอ็นวี ล่าสุด
*********************************************
Nissan Design Europe studio ที่ลอนดอน ได้แย้มมาดใหม่ของเอ็นวีออกมาแล้ว เป็นมินิแวนสุดจ๊าบ เรียกว่า NV200 concept จะออกโชว์หุ่นครั้งแรกที่โตเกียวมอเตอร์โชว์ ในเดือนตุลาคมนี้ ก็มีส่วนบรรทุกของได้ไม่หนีจากมาดปัจจุบันนัก
Martin Uhlarik หัวหน้าทีมออกแบบ ต้นแบบคันนี้เอาใจพวกนักดำน้ำ พวกถ่ายภาพใต้น้ำ โดยมีกล่องใส่อุปกรณืพวกนี้ แบบกันน้ำกันเปียกได้ด้วย
ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมาประกอบในไทยหรือไม่
26-30 ก.ค. 2550 ไปทำกิจกรรมที่สกนคร
25 ก.ค. 2550
แก๊สโซฮอล ที่ท่านยังข้องใจ ?
แก๊สโซฮอล 91 หรือ 95 หลายท่านยังไม่แฮปปี้กับมันนัก อยากมีทางเลือก ไม่ใช่การบังคับให้ใช้ ดังมีเว็บไซต์เรื่องนี้โดยเฉพาะเกิดขึ้นเพื่อให้มีการโหวต ปรากฎว่ากว่า 80 เปอร์เซนต์ ยังต้องการเป็นผู้เลือกใช้เอง ไม่ใช่บังคับให้ใช้ โดยมีแต่แก๊สโซฮอลอย่างเดียว
ลองเข้าไปดูที่ http://www.gasoline95.com/content/view/17/lang,en/
จากการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล ตามปั๊มทั่วไปทั้งในกทม. และต่างจังหวัด บางแห่งพบว่าเครื่องยนต์มีรอบที่ไม่คงที่ ส่วนมากอาการรอบเครื่องตกจะเกิดขึ้น หากใช้ แก๊สโซฮอล์ 91
จึงมีผู้ใช้รถอีกมากที่พยามยามมองหาปั๊มที่มีเบนซินที่ไม่ใช่แก๊สโซฮอลกันอยู่ ถึงขนาดบางทีขับเข้าปั๊มไปแล้ว รีบเผ่นเมื่อตามหัวปั๊มไม่มีสิ่งที่ต้องการ
****************************************
สั้น ๆ กับ “แก๊สโซฮอล์”
****************************************
(หมายเหตุ ข้อมูลเรียบเรียงจากเว็บ ptt)
***************************************
"แก๊สโซฮอล์" น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้ จากการผสมระหว่าง เอทานอล หรือที่เรียกว่า เอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl Alcohol) ซึ่งเป็น แอลกอฮอล์ บริสุทธิ์ 99.5% โดยปริมาตร ผสมกับน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 91 (ชนิดที่มีคุณสมบัติบางตัวต่างจากเบนซิน 91 ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน) ในอัตราส่วนเบนซิน 9 ส่วน เอทานอล 1 ส่วน จึงได้เป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 ที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อกำหนดของกรมธุรกิจพลังงานกระทรวงพลังงาน
เกิดขึ้นจากแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2528 ที่ทรงเล็งเห็นว่าประเทศไทยอาจประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำมันและปัญหาพืชผลทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ จึงทรงมีพระราชดำริให้โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ศึกษาถึงการนำอ้อยมาแปรรูปเป็นแอลกอฮอล์ โดยการนำแอลกอฮอล์ที่ผลิตได้นี้มาผสมกับน้ำมันเบนซินผลิตเป็นน้ำมัน "แก๊สโซฮอล์" (Gasohol) เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน
ความเป็นมาของ "แก๊สโซฮอล์" ในประเทศไทย
ปี พ.ศ. 2529 ทางโครงการส่วนพระองค์ได้เริ่มผลิตแอลกอฮอล์จากอ้อย หลังจากนั้นได้มีหน่วยงานรัฐและเอกชนให้ความร่วมมือในการพัฒนาแอลกอฮอล์ที่ใช้เติมรถยนต์อย่างต่อเนื่อง จนเมื่อปี พ.ศ. 2539 การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ร่วมกับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วท.) และโครงการส่วนพระองค์ ได้ร่วมกันปรับปรุงคุณภาพแอลกอฮอล์ที่ใช้เติมรถยนต์ โดยการนำแอลกอฮอล์ที่โครงการส่วนพระองค์ผลิตได้ที่มีความบริสุทธิ์จากเดิม 95% ไปกลั่นซ้ำเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% แล้วจึงนำมาผสมกับน้ำมันเบนซิน ออกเทน 91 ในอัตราแอลกอฮอล์ 1 ส่วน กับเบนซิน 9 ส่วน เป็นน้ำมัน "แก๊สโซฮอล์" ทดลองเติมให้กับรถเครื่องยนต์เบนซินของโครงการส่วนพระองค์
ปัจจุบัน รถเครื่องยนต์เบนซินของโครงการส่วนพระองค์ ได้เติมแก๊สโซฮอล์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงจากสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา รวมทั้ง ปตท. เริ่มเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการให้กับประชาชนทั่วไป เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2544 ณ สถานีบริการ ปตท. บริเวณที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ ปตท.
การผสมแอลกอฮอล์ลงในน้ำมันเบนซินในข้างต้น เป็นในลักษณะของสารเติมแต่งปรับปรุงค่า Oxygenates และออกเทน (Octane) ของน้ำมันเบนซิน ซึ่งสามารถใช้ทดแทนสารเติมแต่งชนิดอื่นที่นิยมใช้ในปัจจุบัน คือ Methyl-Tertiary-Butyl-Ether (MTBE)
อนึ่ง เอทานอล หรือ เอทิลแอลกอฮอล์ เป็น แอลกอฮอล์ ที่ได้จากการแปรรูปจากพืชจำพวกแป้งและน้ำตาล เช่น อ้อย ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ฯลฯ
แก๊สโซฮอล์ (ปตท)จำหน่ายขณะนี้มีออกเทน 95 (สีส้ม) และมีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อกำหนดคุณภาพของกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน มีความเหมือนกันในด้านการใช้งานกับรถยนต์ที่ต้องการออกเทน 95 สามารถใช้ได้กับรถยนต์ทุกรุ่นที่มีระบบเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด (ไม่แนะนำให้ใช้กับรถยนต์รุ่นเก่าที่มีระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงแบบคาร์บูเรเตอร์) แก๊สโซฮอล์ยังยังคงมีคุณสมบัติอยู่ในเกณฑ์ข้อกำหนด ได้แก่
ค่าออกเทน ไม่ต่ำกว่า 95.0 ค่าออกเทนของน้ำมันเบนซินจะบ่งถึงคุณภาพในการต้านทานการน็อค หรือ ความสามารถของน้ำมันเบนซินที่จะเผาไหม้โดยปราศจากการน็อคในเครื่องยนต์
ค่าความดันไอ ไม่สูงกว่า 65 kpa. ค่าความดันไอเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความสามารถในการระเหย ซึ่งจะมีผลต่อการสตาร์ทเครื่องยนต์
สำหรับคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงนี้ แก๊สโซฮอล์จะมีคุณสมบัติเหมือนกับน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ทุกประการ ยกเว้นสาร Oxygenate Compound ที่กำหนดให้มีการเติมในน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว
ออกเทน 95 ในปริมาณ 5.5 - 11% Vol. ซึ่งโดยทั่วไปในน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ที่ใช้ในตลาดปัจจุบัน จะเติม MTBE (Methyl tertiaryl Butyl Ether) แต่ในแก๊สโซฮอล์จะใช้ Ethyl Alcohol 99.5% ทดแทนในปริมาณ 10-11 % ซึ่งจะยังคงทำให้คุณสมบัติในการใช้งานกับเครื่องยนต์เหมือนกันกับน้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ทุกประการ
* รถยนต์สามารถเติมแก๊สโซฮอล์ผสมกับน้ำมันที่เหลืออยู่ในถังได้เลย โดยไม่ต้องรอให้น้ำมันในถังหมด และผู้ใช้รถไม่ต้องดำเนินการปรับแต่งเครื่องยนต์แต่อย่างใดเพราะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเครื่องยนต์ และมีคุณสมบัติทำให้เกิดการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่สมบูรณ์
ผลการวิเคราะห์
โดยวิธี t-test พบว่า การใช้ gasoline และ gasohol ให้อัตราเร่งที่ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
สรุปผลการศึกษา (เรื่อง ผลกระทบต่อระบบจ่ายเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์)
การเติม Ethanol ในน้ำมันเบนซิน มีผลต่อคุณสมบัติบางประการของวัสดุประเภทยางที่ใช้เป็นระบบเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์มากกว่า การเติม MTBE ในน้ำมันเบนซินเล็กน้อยแต่ไม่มีผลกระทบต่อระบบการจ่าย น้ำมันเชื้อเพลิงเข้าเครื่องยนต์ (Fuel Supply)
การเติม Ethanol ในน้ำมันเบนซิน มีผลต่อคุณสมบัติบางประการของวัสดุประเภทพลาสติก ที่ใช้เป็นระบบเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ โดยให้ผลใกล้เคียงกับการเติม MTBE ในน้ำมันเบนซิน
การเติม Ethanol ในน้ำมันเบนซิน ไม่มีผลต่อคุณสมบัติของโลหะทดสอบ ยกเว้นสีพื้นผิวของทองแดง และทองเหลือง แต่ไม่มีผลการใช้งาน
******************************************************
ประสบการณ์ เรื่องแก๊สโซฮอล
******************************************************
กว่ายี่สิบปีมาแล้ว ขณะนั้นมีหน่วยราชการของกระทรวงอุตสาหกรรมได้นำรถเฟี๊ยต 131 มาทดสอบกับแก๊สโซฮอล โดยใช้ส่วนผสม 80/20 ผมมีโอกาสได้ทดสอบรถคันนั้นอยู่อาทิตย์หนึ่ง โดยขับในกรุงเทพฯเป็นส่วนมาก ขณะนั้นปั๊มน้ำมันมีแต่เบนซินธรรมดา กับซุปเปอร์ ซึ่งจำค่าอ๊อกเท็นนัมเบอร์ไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่
หัวหน้ากองท่านหนึ่ง ให้แอลกอฮอล์ 100 เปอร์เซ็นต์ มา 1 ปีบ 20 ลิตร ก็เติมผสมกับเบนซินไปจนเกลี้ยง
รถที่ใช้ทดสอบเป็นเครื่องคาร์บูเรเตอร์ที่ปรับองศาการจุดระเบิดให้เหมาะกับส่วนผสมเรียบร้อย เวลาขับจะได้กลิ่นเหมือนโรงเหล้า
เป็นกลิ่นเดียวกับที่เคยได้กลิ่นไอเสียรถที่เติมแก๊สโซฮอลปัจจุบัน เพียงแต่แรงชัดเจนมาก
เพราะสัดส่วนมากถึง 20% ไม่ใช่นิดหน่อยเหมือนปัจจุบัน
ขณะใช้ทดสอบเนื่องจากเป็นรถใหม่ อาการต่าง ๆ ไม่ผิดปรกติ ไม่เคยดับ และจะสตาร์ตง่าย
วันหนึ่งได้ไปสาธิตออกรายการข่าวทีวี ที่ลานพระรูปทรงม้า มีทีวีมาถ่ายทำข่าวด้วย
มีนักวิชาการจากสถาบันต่าง ๆ มาดูหลายท่าน รวมทั้งอาจารย์ที่สอนผมที่เทคนิกกรุงเทพฯ (เรียนเมื่อ พ.ศ. 2517 ปีเดียว) ก็มาดูด้วย ผมยังแอบดีใจที่อาจารย์มาดู คงไม่คิดว่าจะมาเจอลูกศิษในเวลาแปลก ๆ อย่างนั้น
ในการสาธิต ได้นำกระบอกตวงแบบห้องแล็ปมาตวงกันจะ ๆ ในสัดส่วน 20 % เมื่อผสมเสร็จก็นำใส่ขวดเล็ก ๆ ต่อสายลงคาร์บูเรเตอร์ แล้วขับออกไปทันที วนรอบ ๆ ลานพระรูปทรงม้า สองสามรอบ เป็นจบพิธี
ผมมานึกได้เมื่อภายหลัง เหตุที่เขาวานสื่ออย่างผมเป็นผู้สาธิต คงเป็นเพราะว่าเป็นคนกลาง เดี๋ยวจะหาว่ากระทรวงอุตสาหกรรมโม้ หัวหน้ากองโรงงานอุตสาหกรรมเลยวานผมทำแทน
***************************************************
ท่านสามารถแสดงความคิดเห็นผ่านเมล์ผมได้ครับ
ongard.wangsai@gmail.com
24 ก.ค. 2550
ฟอร์ดสนับสนุนแก๊สโซฮอล
ฟอร์ดสนับสนุนแก๊สโซฮอล ย้ำ “ฟอร์ด โฟกัส” เติมได้ทันทีไม่ต้องรอ
***********************************************************
กรุงเทพฯ ประเทศไทย 23 กรกฎาคม 2550 -- ฟอร์ด ยืนยันรถยนต์ฟอร์ด โฟกัสทุกรุ่น เติมแก๊สโซฮอลได้ไร้ปัญหา โดยเป็นรถยนต์นั่งรุ่นแรกในประเทศไทยที่สามารถเติมได้ทั้งน้ำมันเบนซินทั่วไปและแก๊สโซฮอลที่มีส่วนผสมของเอทานอลได้ถึงร้อยละ 20 หรือ E20 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีจำหน่ายในอีกไม่ช้านี้
นางสาวดวงกมล อิศรพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวยืนยันในงานเปิดตัวโครงการรณรงค์ให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ติดสติ๊กเกอร์ “มั่นใจใช้ได้น้ำมันแก๊สโซฮอล 95/91” ว่า ฟอร์ด โฟกัส เป็นรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง เนื่องจากถูกออกแบบและผลิตมาให้สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ทั้งเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ผสมเอทานอล 10% และยังสามารถเพิ่มปริมาณส่วนผสมของเอทานอลได้สูงถึง 20% รวมทั้งยังมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมสูง โดยมีเครื่องยนต์ที่เผาไหม้สมบูรณ์ จึงมีปริมาณไอเสียต่ำ
นอกจากนี้ ในงานแถลงข่าวดังกล่าว ซึ่งจัดโดยกระทรวงพลังงานนั้น ดร. จอห์น เบนเน็ต ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปานี ได้มาร่วมในงานแถลงข่าว หลังจากเข้าพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงพลังงาน โดย ดร. เบนเน็ต เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทนของโลก และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทนของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปานี จนทำให้รถยนต์หลายรุ่นจากแบรนด์ชั้นนำในเครือฟอร์ด สามารถใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอลได้มากถึง 85% หรือ E85 ซึ่งมีจำหน่ายแล้วในยุโรป บราซิล และอีกหลายประเทศ นอกจากนี้ ดร. เบนเน็ต ยังสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยหลายแห่งในประเทศอังกฤษ ตลอดจนมีผลงานวิจัยมากมาย และเป็นกรรมการในสถาบันชั้นนำระดับโลกที่ทำงานด้านการพัฒนาและส่งเสริมพลังงานทดแทนด้วย
ฟอร์ด ได้สนับสนุนกระทรวงพลังงานในการรณรงค์ให้ประชาชนหันมาใช้แก๊สโซฮอลอย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นพลังงานที่เหมาะกับประเทศไทย ซึ่งมีผลผลิตทางการเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอยู่เป็นปริมาณมาก ทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นผู้ผลิตเอทานอลและน้ำมันแก๊สโซฮอลรายใหญ่ได้ นอกจากนี้แนวโน้มทั่วโลกยังหันมาให้ความสำคัญกับเอทานอลมากขึ้น โดยเป็นพลังงานทดแทนที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
ในฐานะที่ฟอร์ดเป็นผู้นำของโลกในด้านพลังงานทดแทน ฟอร์ดเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกซึ่งนำเข้ารถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลที่มีส่วนผสมของเอทานอลได้ถึงร้อยละ 20 เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2548 ปัจจุบันฟอร์ดมีรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E10 ได้ คือ
• ฟอร์ด โฟกัสทุกรุ่น ทั้งเครื่อง 1.8 ลิตรและ 2.0 ลิตร ในรุ่นเทรนด์ ฟิเนซ และเกีย ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล E10 ที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน และน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 ที่จะเริ่มจำหน่ายในอนาคตได้ทันทีโดยไม่ต้องปรับแต่งเครื่องยนต์
• ฟอร์ด เอสเคป ทุกรุ่น สามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล E10 ที่มีจำหน่ายในปัจจุบันได้
*************************************
รายละเอียดเครื่องยนต์
*************************************
หลากทางเลือกของเครื่องยนต์อันล้ำหน้าโฟกัสใหม่ มีหลากหลายทางเลือกของเครื่องยนต์ที่รอให้สัมผัส ทุกรายละเอียดได้รับการออกแบบ เพื่อตอบสนองการใช้งาน ที่ยอดเยี่ยม และมีความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง โดยในรุ่นเบนซินรหัส DURATEC ประกอบไปด้วย 125 แรงม้า - DURATEC 1,800 ซีซี มีกำลังสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 165 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที145 แรงม้า - DURATEC 2,000 ซีซี มีกำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 185 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ทั้งรุ่น 1,800 และ 2,000 ซีซี DURATEC มาพร้อมกับระบบใหม่ ที่ถูกพัฒนาการไหลเวียนของไอเสีย การเผาไหม้ และมีมลพิษต่ำ มีความประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม เครื่องยนต์ที่เดินเรียบ นุ่มนวล พร้อมเทคโนโลยีฝาสูบที่ผลิตจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ทวินแคม เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย เช่น วาล์วควบคุม ที่ออกแบบพอร์ตไอดี ให้ไอดีมีการหมุนวน และระบบประจุไอดีแปรผัน VIS-Variable Intake System รวมถึงการปรับแต่ง ระบบควบคุมการทำงานของวาล์ว ให้เปิดเพื่อรับอากาศให้มากขึ้น พร้อมเพิ่มแรงบิดให้กับเครื่องยนต์ เทคโนลียีล่าสุด ทางด้านเครื่องยนต์ของฟอร์ด ได้ถูกนำมาใช้เพื่อให้ขุมพลังเหล่านี้มีประสิทธิภาพในการทำงาน มีความทนทาน ไม่ยุ่งยากในการดูแลรักษา มีอายุการใช้งานยาวนาน ซึ่งเป็นพันธสัญญาของฟอร์ด ในการพัฒนาขุมพลังเหล่านี้ ให้สอดรับกับความต้องการในทุกด้านของลูกค้า อีกทั้งชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ทุกชิ้น ได้รับการออกแบบและทดสอบ เพื่อที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องดูแลรักษาให้ยุ่งยาก และอะไหล่ชิ้นส่วนต่างๆ มีอายุการใช้งานอย่างน้อย 240,000 กิโลเมตร หรือมีอายุโดยเฉลี่ย 10 ปีขึ้นไป
เชฟโรเลตหนุนใช้แก๊สโซฮอล
เชฟโรเลตร่วมมือกระทรวงพลังงานหนุนใช้แก๊สโซฮอล
พร้อมยันมั่นใจคุณภาพรถเชฟวี่ทุกรุ่นเติมได้ไร้ปัญหา
**************************************************
กรุงเทพฯ – เชฟโรเลต ประกาศสนับสนุนผู้ใช้รถยนต์หันใช้แก๊สโซฮอล หลังกระทรวงพลังงานขอความร่วมมือในโครงการ “มั่นใจใช้ได้น้ำมันแก๊สโซฮอล 95/91” พร้อมยืนยันมั่นใจได้กับเทคโนโลยีเครื่องยนต์เบนซินของเชฟโรเลตทุกรุ่นใช้แก๊สโซฮอลได้แน่นอน
บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความร่วมมือกับกระทรวงพลังงานในโครงการ “มั่นใจใช้ได้น้ำมันแก๊สโซฮอล 95/91” เพื่อสนับสนุนให้เจ้าของรถยนต์ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล ทดแทนการใช้น้ำมันเบนซินทั่วไป เพื่อช่วยประหยัดเงินค่าน้ำมัน และช่วยลดการนำเข้าน้ำมันเบนซินให้กับประเทศ
ทางด้าน มร.จอห์น ธอมสัน รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และการบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด “บริษัทฯ พร้อมให้การสนับสนุนนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลของกระทรวงพลังงานอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการติดสติ๊กเกอร์บนฝาถังน้ำมันรถใหม่ การแนะนำผู้ซื้อรถใหม่ให้เติมน้ำ้มันแก๊สโซฮอล การเติมน้ำ้มันแก๊สโซฮอลให้รถใหม่ทุกคันก่อนออกจากศูนย์บริการเชฟโรเลต การให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายและช่างประจำศูนย์บริการให้แนะนำลูกค้าเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล และการช่วยประชาสัมพันธ์ว่ารถยนต์สามารถใข้น้ำมันแก๊สโซฮอลในสื่อต่างๆ เนื่องจากโครงการดังกล่าวนอกจากจะเป็นการช่วยลดภาระของผู้ใช้รถโดยเฉพาะในสภาวะน้ำมันแพง ยังเป็นการช่วยลดภาระการใช้จ่ายของรัฐบาลในการนำเข้าน้ำ้มันจากต่างประเทศ และช่วยลดการขาดดุลทางการค้าอีกด้วย”
“ลูกค้ารถยนต์เชฟโรเลต สามารถมั่นใจได้ว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินของท่านทุกรุ่นสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลได้ ไม่ว่าจะเป็น อาวีโอ ออพตร้า ลูมินา ซาฟิรา และรุ่นใหม่ล่าสุด แคปติวา เพราะเครื่องยนต์เบนซินของเชฟโรเลต เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้แก๊สโซฮอลได้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้มาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970” มร. ธอมสัน กล่าวทิ้งท้าย
ปัจจุบันน้ำมันแก๊สโซฮอลเป็นพลังงานทดแทนที่เป็นที่ยอมรับและใช้กันทั่วโลกแล้ว ผู้ที่ต้องการหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลก็สามารถเติมผสมกับน้ำมันเก่าได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้น้ำมันหมดถัง และไม่ต้องมีการดัดแปลงเครื่องยนต์ใดๆ ทั้งสิ้น
จากภาพ: ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ (ขวา) รัีฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โชว์ตัวอย่างสติกเกอร์ “มั่นใจใช้ได้น้ำมันแก๊สโซฮอล 91” ที่ใช้สำหรับรถเชฟโรเลต แคปติวา รถ SUV รุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อระบุว่าสามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอลได้ โดยมีครรชิต ไชยสุโพธิ์ (กลาง) ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ วรพรรณ พันธุ์แมน (ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล พร้อมยืนยันความมั่นใจว่ารถ เชฟโรเลตทุกรุ่นสามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอลได้ โดยไม่ทำให้เครื่องยนต์สึกหรอแต่อย่างใด
23 กรกฏาคม 2550
นิสสัน ลูเบิด ชื่อนี้ก็มีหรือนี่ ?
เรื่องชื่อรถแบบเพี้ยน ๆ ของคนพูดไม่ชัด หรืออ่านภาษาปะกิดไม่ออกนี่ มันฟังแล้วดูตลก ๆ ดีเหมือนกัน เช่นมีฝ่ายแมสเซนเจอร์คนหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีก่อนเรียก นิสสัน บลูเบิร์ด ว่า นิสสัน ลูเบิด
พูดกี่ครั้งกี่หนก็ลูเบิดอยู่นั่นแล้ว
หรือมีหนังสือรถยนต์อยู่ฉบับหนึ่งเรียกชื่อรถชื่ออะไรต่าง ๆ เพี้ยนจากที่เราคุ้นเคย นัยว่าเขามาจากเยอรมัน เรียกแลนเซีย ว่าลันช่า มีอยู่ยุคหนึ่งนิตยสารอีกฉบับหนึ่งกลับเรียกว่า ลันชิอา
เรียกน้ำมันซุปเปอร์ ว่า ซูเพอร์
แก๊ส กับ ก๊าส ก็เป็นคำเรียกที่ต่างคนต่างเรียกกัน แต่เท็กซี่ เขาเรียกว่า "เติมแก๊ด"
มีครูสอนเรื่องไฟฟ้าท่านหนึ่งเรียกเทอร์โมสตรัท ว่า เทอร์โมสะแตด...โอโฮ เล่นเอา นักเรียนฮือฮากันอย่างท่วมท้น
คุณรู้ไหมว่าสว่านแบบที่ใช้มือหมุนคนเมืองชาวเหนือเขาเรียกว่าอะไร ?
...คิดไม่ออกบอกให้ก็ได้....
...เขาเรียกกันว่า "เหล็กจีคว-...หมู" ครับ นี่แจ๋วว่าเทอร์โมสะแตดเสียด้วยซ้ำ ก็มันเป็นเกรียวนี่ครับ เคยเห็นหมูทับกันหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่เคยเห็นก็คงนึกภาพไม่ออก
เมื่อเดือนกว่า ๆ มานี่เองผมไปโรงงานประกอบรถเชพโรเลท ที่ระยอง ผู้บริหารสูงสุดบอกว่าเขาเป็นผู้บุกเบิกเชพโรเลทในเมืองไทย เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากไม่มีจำหน่าย จนกระทั้งยอดขายเป็นอันดับที่ 4 หรือ 5
ผิดครับ รถบรรทุกเชพโรเลท มีมานานแล้ว ตอนเด็ก ๆ ผมนั่งประจำจากบ้านป่าออกไปพะเยา เรียกว่ารถคอกหมู
หัวรถกลม ๆ เครื่องเบนซินครับท่าน (แบบเดียวกับภาพเต็มคัน เป็นเชพโรเลท ปี 1954 ครับ ท่าน)
รถเชพฯมีขายในยเมืองไทยเกิน 50 ปีมาแล้วครับ
รถจี๊ป ก็มีเรื่องแปลก ๆ ไม่ว่าใครนำรถยี่ห้ออะไรที่มีรูปทรงแบบรถจี๊ปมาขายจะถูกเรียกว่ารถจี๊ปไปหมด จนกระทั่งเดี๋ยวนี้
เช่น "จี๊ปซูซูกิ" หรือ "จี๊ปโตโยต้า" เป็นต้น
.......วันนี้คิดได้เท่านี้แหละ วันหลังมาเล่าต่อครับ
***********************************************
หมายเหตุ ภาพหัวรถเชพรุ่นเก่าคล้าย ๆ แบบนี้ที่ผมเคยนั่ง เวลาสตาร์ตเครื่องใช้คันหมุน สอดเข้าไปที่หน้าเครื่องยนต์ แล้วให้เด็กท้ายรถหมุน ติดเครื่อง ไม่ต้องง้อมอเตอร์สตาร์ต ภาษาเหนือ เรียกว่า "ขั๊ด-ขะ-ลึ้ง"
ขั๊ด แปลว่าเสียบแล้วหมุน
ขะลึ้ง แปลเลียน ตามเสียง เสียงเครื่องยนต์ติด หรือเสียงระเบิดดัง ๆ
หากเป็นเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า แบบฟ้าคะนอง ภาษาเหนือจะบอกว่า "ขะ-ลึ้ง-ตึ้ง-ตั้ง"
คาราวาน “วอลโว่ XC90 D5” ชวนสัมผัสดีเซลยุคใหม่
วอลโว่ มาแนวใหม่ ส่งคาราวาน “วอลโว่ XC90 D5”
ชวนผู้บริโภคสัมผัสมุมมองใหม่ของเครื่องยนต์ดีเซล
*****************************************************
วอลโว่ ท้ามุมมองเดิมๆ ของผู้บริโภคที่ว่าเครื่องยนต์ดีเซลเสียงดัง มีควันดำ และไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการส่งคาราวานรถยนต์ “วอลโว่ XC90 D5 AWD” ออกโรดโชว์สร้างสีสันบนท้องถนนทั่วย่านธุรกิจในกรุงเทพฯ
เพื่อเชิญชวนให้ลองมาสัมผัสกับ วอลโว่ XC90 D5 รถยนต์เอสยูวีระดับหรูใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีชั้นสูงของเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล ซึ่งผลิตขึ้นจากอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา เสียงเงียบ และทรงพลังด้วยแรงบิดมากถึง 400 นิวตันเมตร ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลงเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เบนซิน รับรองว่า คุณจะต้องเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับเครื่องยนต์ดีเซลใหม่อย่างแน่นอน สนใจทดลองขับ
โทรศัพท์ติดต่อได้เลยที่ 1401 700 600 (โทรออกได้จากโทรศัพท์มือถือเท่านั้น)
ติดต่อ:
**********************************
วราลี บุนนาค
โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์
โทร: 02-205-6627
แฟกซ์: 02-205-6686
อีเมล์: waralee.bunnag@ogilvy.com
*********************************
ฉันทนา วัฒนารมย์
บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทร: +66-2-319-9820
แฟกซ์: +66-2-719-9451
อีเมล์: cvatanar@volvocars.com
*********************************
สุรสา คล้ายอักษร
โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์
โทร: 02-205-6626
แฟกซ์: 02-205-6686
อีเมล์: surasa.khlaiaksorn@ogilvy.com
**********************************
ณัฏฐา จิตราคม
บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทร: +66-2-319-9820
แฟกซ์: +66-2-719-9451
อีเมล์: njittrak@volvocars.com
23 ก.ค. 2550
ออโต้อัลลายแอนซ์-มาสด้า ฉลองการผลิตครบ 1 ล้านคัน
ออโต้อัลลายแอนซ์-มาสด้า ฉลองการผลิตครบ 1 ล้านคัน
*****************************************************
จังหวัดระยอง – ประเทศไทย 19 กรกฎาคม 2550 – มร. มาซามิชิ โคไก (ที่2 จากขวา) ประธาน บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มร. โรเบิร์ต กราเซียโน (ที่2 จากซ้าย) รองประธานบริหาร มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น มร. จอห์น เรย์ (ขวาสุด) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ มร. ยูจิ นากามิเนะ (ซ้ายสุด) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซ้าธ์อีท เอเซีย จำกัด ร่วมฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์กับการผลิตรถปิคอัพขนาด 1 ตันครบ 1 ล้านคัน โดยโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และ ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี เป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของมาสด้า โดยโรงงานดังกล่าวใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) ทำการผลิตรถสปอร์ตปิคอัพมาสด้า บีที-50 และฟอร์ด เรนเจอร์ เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกอีกกว่า 130 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันมีกำลังการผลิตปีละ 175,000 คัน
***********************************************
http://www.mazda.coth
***********************************************
• การเป็นพันธมิตรร่วมทุนเชิงกลยุทธ์ตั้งแต่พ.ศ. 2538 เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลในการสร้างรถกระบะ 1 ตันให้เป็นโปรดักท์แชมเปี้ยนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
• การส่งออกรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์และมาสด้า บีที-50 ที่ผลิตจากโรงงานคุณภาพมาตรฐานโลก ไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก
• ออโต้อัลลายแอนซ์ ได้สร้างงานกว่า 13,500 ตำแหน่ง ตั้งแต่พ.ศ. 2540
• ฟอร์ด-มาสด้าจะบริจาคฟอร์ด เรนเจอร์และมาสด้า บีที-50 คันประวัติศาสตร์ให้แก่มูลนิธิชัยพัฒนา
ระยอง ประเทศไทย 19 กรกฎาคม 2550 – บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่างฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี และ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการผลิตเมื่อพ.ศ. 2541 กับการผลิตรถกระบะ 1 ตันครบ 1 ล้านคัน โดยมีผู้บริหารสูงสุดจากออโต้อัลลายแอนซ์ ฟอร์ด และมาสด้า รวมถึงพนักงานออโต้อัลลายแอนซ์ร่วมกัน เฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ ณ โรงงาน ที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นฐานการผลิตรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ และมาสด้า บีที-50
ในฐานะที่เป็นพันธมิตรที่ดียิ่งในการดำเนินการธุรกิจออโต้อัลลายแอนซ์ สองบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกได้ฉลองความสำเร็จกับรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ และมาสด้า คันที่ 1 ล้านร่วมกัน พร้อมเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของธุรกิจของออโต้อัลลายแอนซ์พร้อมกัน
ออโต้อัลลายแอนซ์เป็นโรงงานผลิตรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งผลิตและส่งออกรถกระบะฟอร์ดและมาสด้าทั้งรถยนต์สำเร็จรูป (CBU) และชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ (CKD) ออกไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก และนับตั้งแต่พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา บริษัทฯ ได้สร้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมกว่า 13,500 ตำแหน่งให้แก่คนไทย
มร. มาซามิชิ โคไก ประธาน บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ความสำเร็จในครั้งนี้ เกิดจากการทำงานร่วมกันพันธมิตรทุกฝ่ายที่สร้างสรรค์องค์กรระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ฟอร์ด มาสด้า รัฐบาลไทย ซัพพลายเออร์ รวมถึงผู้บริหารและพนักงานของออโต้อัลลายแอนซ์ทุกท่านที่เป็นผู้ขับเคลื่อนฃบริษัทฯ เราภาคภูมิใจยิ่งที่ออโต้อัลลายแอนซ์เป็นกลจักรสำคัญที่ผลักดันให้ รถกระบะ 1 ตันประสบความสำเร็จในฐานะผลิตภัณฑ์หลักหรือโปรดักท์แชมเปี้ยนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย”
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในตลาดโลก ในปีนี้ ออโต้อัลลายแอนซ์วางแผนผลิตรถกระบะฟอร์ด และมาสด้ามากกว่า 175,000 คัน รวมทั้งการผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ ฟอร์ด เอเวอเรสต์เพื่อป้อนตลาดในประเทศและส่งออก ในแต่ละปีออโต้อัลลายแอนซ์ซื้อชิ้นส่วนมูลค่าประมาณ 6.02 หมื่นล้านบาท (1.72 พันล้านเหรียญสหรัฐ) จากผู้ผลิตชิ้นส่วน 177 ราย ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของไทย 166 ราย ทำให้
ออโต้อัลลายแอนซ์มีเครือข่ายผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ
ออโต้อัลลายแอนซ์ มีพนักงานรวมประมาณ 3,500 คน ประกอบด้วยวิศวกร ช่างเทคนิค และช่างประกอบรถยนต์ที่มีความชำนาญสูง ทั้งนี้ การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรรวมถึงการอบรมด้านความปลอดภัยในการทำงานให้แก่พนักงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลมากมายจากทั้งหน่วยงานภาครัฐของไทยและองค์กรที่ดูแลด้านมาตรฐานอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ
มร. โรเบิร์ต กราเซียโน รองประธานบริหาร มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเรา ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จในการผสานจุดแข็งของพันธมิตร ฟอร์ดและมาสด้า ออโต้อัลลายแอนซ์เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญของเราในภูมิภาคอาเซียน และเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย นอกจากนี้ รถกระบะที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้ ยังได้รับรางวัลมากมายในระดับโลก รวมถึงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีจากประเทศไทย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และรัสเซีย รางวัลเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณภาพที่เป็นเลิศจากฝีมือของพนักงานของเรา”
ออโต้อัลลายแอนซ์ได้นำจุดแข็งของฟอร์ดและมาสด้ามาผสานรวมกันในการทำงาน จนกลายเป็นผู้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน บนพื้นฐานของการยึดมั่นในคุณภาพการผลิต และการดำเนินการตามมาตรฐานและระเบียบปฏิบัติซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
มร. จอห์น ปาร์คเกอร์ รองประธาน กลุ่มธุรกิจภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา กล่าวว่า “การร่วมทุนระหว่างฟอร์ดและมาสด้านับได้ว่าเป็นการร่วมพันธมิตรทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน
อุตสาหกรรมยานยนต์ และแน่นอนว่าออโต้อัลลายแอนซ์จะยังคงสร้างสรรค์โอกาสทางธุรกิจให้แก่ทั้งสองฝ่าย ทำให้การร่วมพันธมิตรและความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนมีความแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา"
ในพ.ศ. 2538 ฟอร์ด และมาสด้า ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการให้ประเทศไทยเป็นฐานการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และได้ร่วมทุนก่อตั้งบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัดขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการผลิตเพื่อสนองความต้องการทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศ
หลังจากที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในปีเดียวกันนั้น
ออโตอัลลายแอนซ์ได้ลงทุนมูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐในการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ที่ทันสมัย ปัจจุบัน ออโตอัลลายแอนซ์ได้ลงทุนรวมกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในการพัฒนาโรงงานแห่งนี้ ให้มีกระบวนการผลิตครบวงจร นับตั้งแต่การขึ้นรูปตัวถัง การประกอบตัวถัง การพ่นสี การประกอบเครื่องยนต์ การประกอบขั้นสุดท้าย และการบรรจุชิ้นส่วนรถยนต์ โดยโรงงานตั้งอยู่บนพื้นที่ 529 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์น
ซีบอร์ด
นอกเหนือจากความสำเร็จในเชิงธุรกิจแล้ว ออโต้อัลลายแอนซ์และพนักงานยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและชุมชนโดยรอบ รวมทั้งโครงการเพื่อสังคมต่างๆ ตั้งแต่การบริจาคเพื่อสนับสนุนการจัดซื้ออุปกรณ์การศึกษา ไปจนถึงอาสาสมัครบรรเทาทุกข์ในภาวะวิกฤติ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย
การร่วมบริจาคสนับสนุนมูลนิธิชัยพัฒนา
ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษาในปีนี้ บริษัทฯ จะมอบรถฟอร์ด เรนเจอร์ และกระบะมาสด้า บีที-50 คันประวัติศาสตร์ทั้งสอง ให้แก่มูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อใช้ในการขนส่งสิ่งของในโครงการต่างๆ ของมูลนิธิฯ
มูลนิธิชัยพัฒนาเป็นองค์กรสาธารณกุศล โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธาน และเป็นองค์กรที่ดำเนินโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ตลอดจนสนับสนุนโครงการพัฒนาชนบทหลากหลายด้านตั้งแต่การพัฒนาสังคม การเกษตร สิ่งแวดล้อม พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ
22 ก.ค. 2550
ยังไม่มีคนไทยคนไหนเก่งเรื่องเครื่องยนต์กลไก
หมายเหตุ ความคิดเห็นจากผู้อ่านบล็อก ที่ส่งเมล์มาบ่นเรื่องรถยนต์ในเมืองไทย
****************************************
ยังไม่มีคนไทยคนไหนเก่งเรื่องเครื่องยนต์กลไก
*********************************************************
เครื่องยนต์ในที่นี้หมายถึงเครื่องยนต์ที่จะต้องสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งแท่ง ออกแบบเอง ผลิตชิ้นส่วน พัฒนาโลหะต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
กลไก หมายถึงการออกแบบสร้างระบบต่าง ๆ เป็นของตัวเอง ไม่ใช่แม็คเฟอร์สันสตรัท ระบบไฮโดรนิวเมติก หรืออะไรแบบนี้
หากเป็นเบรกก็ไม่ซ้ำกับเขา มีวิธีการที่เป็นตัวของตัวเอง เช่นไม่ใช่เอบีเอส ไม่ใช่อีดีบี
เมื่อเรายังมือไม่ถึงแล้วจะดันทุรังไปยุ่งกับเรื่องเหล่านี้กันทำไม ?
น่าจะหันไปพัฒนาเรื่องการเกษตร อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร การทำปศุสัตว์ และอุตสาหกรรมอาหารต่อเนื่อง ให้มันดีเด่นที่สุดในโลกไปเลย
ไม่ใช่ปล่อยให้ชาวไร่ชาวนาทิ้งบ้านป่าบ้านดอยมาทำงานในโรงงาน
อุตสาหกรรม แล้วก็มีปัญหาเหมือนตอนนี้
ไม่ต้องไปเลียนแบบเขา ไม่ต้องไปเหมือนประเทศอุตสาหกรรม ที่มีแต่จะวิ่งโร่มาหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ ตามชายทะเลบ้านเรา
รถยนต์ดี ๆ ราคาไม่แพงมีอีกมากในโลกนี้ แต่เราไม่มีโอกาสได้ใช้ เพราะมัวแต่ปกป้องคุ้มครองรถที่ประกอบในประเทศ
หากสั่งนำเข้ามาได้โดยไม่มีกำแพงภาษี เราก็ไม่ต้องใช้รถคันใหญ่ ๆ สำหรับเดินทางในกรุงเทพฯ เอาแค่ 500 ซีซี ก็พอแล้ว
หันไปพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ดีที่สุด จะเข้าท่ากว่าการสร้างถนนเพิ่ม เพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีกฎเกณฑ์
สร้างเครือข่ายทางรถไฟให้ทั่วถึงเชื่อมโยงทุกจังหวัด เพื่อประชาชนทั่วประเทศจะได้เดินทางอย่างสะดวก และประหยัด ไม่ใช่การซื้อรถยนต์มาใช้
สิ้นเปลืองน้ำมันเพียงเพื่อการเพื่อการเดินทางที่รวดเร็ว
ประหยัดพลังงานไว้เพื่อกิจกรรมอย่างอื่นดีกว่า
ในเมื่อเราไม่ได้เก่งกาจเรื่องเครื่องยนต์กลไก ก็ใช้เงินงบประมาณที่จะซื้อน้ำมันไปส่งเสริมเกษตรกร สนับสนุนการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ จะดีกว่า
คนไทยปรับตัวเพื่ออุตสาหกรรมไม่ทันประเทศยักษ์ใหญ่ จี 7 จี 8 อย่างแน่นอน
*************************************************
เอ ผมว่าน่าจะมีส่วนจริงเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเรามากันถูกทางหรือเปล่า
หรือว่าหลงทางมานานนับสิบปีแล้ว ?
BRABUS SLK (R171)
BRABUS SLK (R171)
**************************************
หมายเหตุ ข้อลูมจาก BRABUS
**************************************
เป็นรถยนต์สปอร์ตเปิดประทุนขนาดคอมแพคที่มีรูปลักษณ์ที่ได้รับอิทธิพลในรูปโฉมภายนอกจากรถยนต์สปอร์ตรุ่นที่หรูที่สุดของ Mercedes Benz SLR จาก SLK Standard บริษัท BRABUS ได้นำมาปรับโฉมใหม่ทั้งภายในและภายนอก รวมถึงการพัฒนาระบบขับเคลื่อนให้มีความยึดเกาะถนนที่ดีขึ้นดุจดั่งรถที่ใช้ในสนามแข่ง พร้อมทั้งระบบห้ามล้อที่ให้ความปลอดภัยสูงสุด และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ การพัฒนาเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดตามรุ่นของเครื่องยนต์นั้นๆ
ชุดแต่งภายนอก
เพื่อให้เป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์ (aerodynamics part)
1. สปอยเลอร์หน้าพร้อมสปอร์ตไลท์สองคู่ที่แบ่งออกเป็นไฟตัดหมอก 1 คู่ และไฟส่องสว่างอีก 1 คู่ พร้อมช่องลมเพื่อดูดอากาศไประบายความร้อนให้กับชุดเบรคหน้า
2. กาบข้าง พร้อมระบบไฟส่องสว่างเพื่ออำนวยความสะดวกในการขึ้นลงรถ
3. กันชนหลังพร้อมสปอยเลอร์ที่มีช่องเว้า เพื่อเตรียมไว้ใช้กับชุดท่อไอเสีย BRABUS
4. สปอยเลอร์ฝากระโปรงหลังเพื่อใช้เสริมความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะและช่วยในการดักลมเพื่อการเกาะถนนที่ดีขึ้นในขณะที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูง
ชุด aerodynamics ของ BRABUS ผลิตจาดวัสดุโพลียูลีเทน (PU) ที่มีความเข็งแกร่งทนทานและยืดหยุ่น อีกทั้งมีความปราณีต สวยงาม และได้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน TUV ประเทศเยอรมัน
ล้อแม็กอัลลอยด์
ล้ออัลลอยด์ BRABUS (Light Alloy Wheels) มีล้ออัลลอยด์ 3 ดีไซน์ ให้เลือก อันได้แก่ monoblock IV, monoblock V, และ monoblock VI ทั้งชิ้นเดียวและ 2 ชิ้น ให้เลือกตามสไตล์ของแต่ละผู้ขับขี่ โดยมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 8 x 17 นิ้ว ถึง 9.5 x 19 นิ้ว และสามารถใส่ยางได้ตั้งแต่ไซด์ขนาด 225/40-17 ถึง 255/30-19 ซึ่งทำให้ BRABUS SLK นั้นมีความสง่างามตามสไตล์รถ Roadster หรือ Super Car.
ระบบขับเคลื่อน
นอกจากความงามของรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว BRABUS ยังมีอุปกรณ์ที่จะช่วยให้การขับขี่ในความเร็วสูง มีความมั่นคงและปลอดภัยเพิ่มขึ้นจากรถยนต์มาตรฐานเดิมยิ่งขึ้นไปอีกโดย
ชุดช่วงล่างแบบสปอร์ต (Sport Suspension) ซึ่งประกอบด้วยคอยสปริงค์ที่ออกแบบมาพิเศษและเลือกใช้วัสดุชั้นดีส่งผลให้มีความนิ่มนวลแต่สามารถยึดเกาะถนนได้เป็นอย่างดีในขณะที่ขับเข้าโค้งในความเร็วสูง จะมาพร้อมกับชุดโช๊คอัพที่ได้รับการค้นคว้าพัฒนามาเข้ากับชุดคอยสปริงค์โดยเฉพาะ จึงสามารถควบคุมการยึดตัวและดีดกลับของคอยสปริงค์ได้สัมพันธ์กันดีที่สุด เมื่อติดตั้งชุด Sport Suspension แล้ว จะทำให้รถเตี้ยงลง 30 ม.ม. จึงทำให้มุมมองของรถดูสวยงามมากยิ่งขึ้น และแน่นอนที่สุด จุดศูนย์ถ่วงก็ต้องลดลงตามไปด้วย จึงทำให้การยึดเกราะถนนของรถดีเพิ่มขึ้นไปอีก
นอกเหนือจากระบบช่วงล้างแบบสปอร์ตแล้ว BRABUS ได้พัฒนาระบบเบรคขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อใช้กับรถยนต์ที่วางเครื่องของ BRABUS โดยเฉพาะ มีทั้งขนาดรุ่น 4 ports เส้นผ่าศูนย์กลางจากเบรคขนาด 330 ม.ม. หรือ ชนิด 6 ports พร้อมจานเบรคขนาด 355 ม.ม. ทั้งนี้ชุดเบรคดังกล่าวทั้ง 2 รุ่น มีระบบดูดอากาศระบายความร้อนของจานเบรค (Vented and Cross-Drilled Disc)
ชุดท่อไอเสียแบบสปอร์ต (Sport Exhaust System)
ชุดท่อไอเสียของ BRABUS ทำจากสแตนเลสสตีล มาพร้อมกับปลายท่อคู่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 76 ม.ม. 2 คู่ เพิ่มความสวยงามและเอกลักษณ์เฉพาะ รวมถึงเสียงเครื่องยนต์ที่นุ่มนวลในสไตล์ของ BRABUS
ภายในห้องโดยสาร
BRABUS ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ตกต่างเพื่อเสริมความหรูหราและเอกลักษณ์เฉพาะตัว อันได้แก่ พวงมาลัยหนังแท้สลับกับลายไม้และคาร์บอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 370 ม.ม. (ergo) หัวเกียร์ แป้นเหยียบ ปุ่มล๊อค และคันเบรคมือ ที่ทำด้วยสแตนเลส รวมถึงครอบบันไดข้างพร้อมไฟเรืองแสงและแน่นอนที่สุดเพื่อความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ขาดไม่ได้คือ เบาะหนังแท้ฟอกพิเศษโดยมีให้เลือกตามความพึงพอใจของลูกค้ารวมถึงสีที่สามารถสั่งย้อมได้ตามรสนิยมเฉพาะดัว ซึ่งจะมาพร้อมกับพรมปูพื้นตามสีที่เข้ากับสีเบาะภายใน และสีภายในตัวรถ
จุดเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์
วิศวกรเครื่องยนต์ของ BRABUS ได้จัดเตรียมชุดพัฒนาพลังของเครื่องยนต์ให้กับรถ SLK ไว้หลายทางเลือก ตามความพึงพอใจของลูกค้าและขนาดของเครื่องยนต์ โดยเริ่มจากชุดพัฒนาระบบคอมเพรสเซอร์ภายใต้ระหัส K4 สำหรับรุ่น SLK 200 โดยจะมีแรงม้าเพิ่มขึ้นจากเดิม 30 แรงม้า (193 hps) และแรงบิดเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 30 Nm (260 Nm) ทำให้ได้อัตตราเร่งศูนย์ ถึง 100 ภายใน 7.5 วินาที
ชุดขยายความจุกระบอกสูบ
จาก SLK 55 AMG มาเป็น BRABUS SLK 6.1 เพิ่มแรงม้าขึ้นอีก 85 แรงม้า เป็น 455 แรงม้า แรงบิดขึ้นเป็น 635 Nm และมีอัตราเร่ง 0 ถึง 100 น้อยกว่า 4.3 วินาที และทำความเร็วได้ถึง 305 ก.ม./ช.ม.
ทั้งหมดที่ได้ให้ข้อมูลไว้ในเบื้องต้นนี้คือที่สุดยอดรถสปอร์ต Roadster จากโรงงานจ้างผลิดรถยนต์ BRABUS เยอรมัน
****************************************************
ข้อมูลเพิ่มเติมลองดูที่
Exclusively for journalists: The BRABUS Media Club.
For online accreditation please visit www.brabus-mediaclub.de
21 ก.ค. 2550
มีคนเหาะข้ามรถทดสอบ
หลายปีมาแล้ว เพื่อนรุ่นพี่ท่านหนึ่งได้สร้างรถสปอร์ตไฟเบอร์กลาส ใส่เครื่องซูบารุ แต่ขับล้อหลัง หน้าตากระเดียดไปทางโลตัส เอสปริท แถมทำสีเหมือนกันอย่างกะแกะ ช่วงที่พัฒนานั้นก็ช่วยกันลุ้น ช่วยกันคิด และได้ทดสอบเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งสามารถขายได้หลายคัน ในชื่อแอททัม (ATTAM) ผู้สร้างชื่อแอ็ทครับ (แอ็ททำ...เอง..) !!
อยู่มาวันหนึ่งได้ออกรุ่นใหม่ แบบเปิดประทุน สีแดงตามเดิม ก็เอาไปลองขับ วางเครื่องซูบารุ บ๊อกเซอร์ 4 สูบ ทวินเทอร์โบ แรงน่าดู ตัวถังก็เบาอยู่แล้ว
ผมขับเข้าไปที่ซาฟารีเวิร์ลด ตั้งแต่ช่วงเย็น ๆ มีช่างเครื่องนั่งไปด้วย เหมือนเครื่องบินเปี๊ยบเลย
ไปถ่ายรูปที่ลานจอดรถ ตอนนั้นเพิ่งเปิดใหม่ ๆ ยังไม่ค่อยมีคนไป
มันว่างโล่งดีจริง ๆ ถนนเข้าออกก็กว้าง
ขากลับมืดแล้ว ช่างเครื่องบอกว่าลองเบรกแรง ๆ ดูซิ
ว่าแล้วช่วงกลาง ๆ ทาง ถนนโล่ง ๆ ผมก็เบรกเต็มที่ ปรากฎว่ารถเครื่องดับ
ช่วงที่ก้ม ๆ เงย ๆ จะสตาร์ตเครื่องใหม่นั่นเอง เป็นช่วงที่ปิดสวิทช์ เตรียมจะหมุนกุญแจ ท่ามกลางความมืด ถนนไม่มีไฟฟ้า
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดังโครมที่ท้ายรถ เป็นจังหวะเดียวกับที่เครื่องยนต์ติด และเปิดไฟ ช่างพอดีจริง ๆ
ผมเห็นยอดมนุษย์ลอยละลิ่วข้ามรถ ไปหล่นอยู่ตรงหน้ารถห่างออกไปสัก 3 เมตร
จ้องดูไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวที่ไหน แต่เป็นเด็กวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่มีไฟหน้า แบบบิดมาสุด ๆ เช่นกัน มาชนเอารถไฟเบอร์กลาส เครื่องวางหลัง ขับล้อหลังอย่างจัง
ด้วยความแข็งแรงของโครงสร้าง ปรากฎว่าเครื่องยังเดินได้
ผมให้ช่างขับพาเด็กไปโรงพยาบาล
ไปจอดที่ปากทาง เพราะไฟช๊อต สายไฟไหม้ที่ห้องเครื่อง ไปไม่ได้ ก็มีตำรวจมาช่วยส่งต่อ
ผมก็ต้องไปรายงานที่โรงพักคันนายาว
มีทนายไปด้วย
แค่บาดเจ็บ และรถมอเตอร์ไซค์ล้อพับเป็นเลข 8 กองอยู่กับที่ คนขับไม่มีอะไรหัก แปลกจริง ๆ
ไฟเบอร์มันยุบ และซับแรงกระแทกไว้ได้มาก
ดีที่เป็นหุ่นโลตัสสปอร์ตเปิดประทุน มันเตี้ยมากครับ
จึงรอดตาย และผมรอดคุกด้วย
พิสูจน์เกียร์ออโต้ ในตำแหน่ง R ...3 คน ยังดันไม่ไหว
พิสูจน์เกียร์ออโต้ ที่องค์เซอร์วิส
ในตำแหน่ง R ...3 คน ยังดันไม่ไหว
********************************************
ในช่วงเวลาที่มีข่าวดาราถูกรถเบียดติดประตูรั้วหน้าบ้านจนเสียชีวิต ผมได้ทำบทความเรื่องนี้ เกี่ยวกับเทคนิคเกียร์ออโต้ไว้ และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีผู้ใช้รถฟอร์จูนเนอร์ ที่ซื้อมาแค่วันเดียว ขับรถที่ใช้เกียร์ออโต้ไม่ชำนาญ อาจเหยียบคันเร่งลงไปในเกียร์ D โดยขณะนั้นอาจคิดว่าเป็นเกียร์ว่าง
เนื่องจากเดิมใช้รถเกียร์ธรรมดาอยู่หากเหยียบเบรกโดยไม่ได้เหยียบคลัทช์รถไม่เคลื่อนที่ก็ต้องอยู่ในเกียร์ว่างแน่นอน
แต่รถเกียร์ออโต้ในเกียร์ D หรือ R หากเหยียบเบรกรถไว้ เครื่องยนต์จะไม่ดับ จะยังคงทำงานเหมือนขณะที่รถเกียร์ธรรมดาติดเครื่องอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง โดยเฉพาะรถใหม่ที่เบรกดี ๆ จะหยุดเด็ดขาด ไม่เคลื่อนไหว
แต่เมื่อปล่อยเบรกมันจะไปทันที เมื่อรถเริ่มไปก็คงตั้งใจจะเหยียบเบรก แต่ตำแหน่งแป้นรถคันใหม่กับคันเก่าต่างกัน ไม่คุ้นเคยจึงเผลอไปเหยียบคันเร่งอย่างแรง
รถจึงพุ่งพรวดชนทะลุผนังห้องจนพังราบไปทับพ่อที่นอนหลับจนเสียชีวิต
ยังเคยมีข่าวทำนองนี้อีกหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นทะลุกำแพงกั้นอาคารจอดรถตกลงมาด้านล่างก็มี หรือตกไปในบ่อน้ำก็เคยปรากฎ
ลองดูหน่อยว่าพลังรถเกียร์ออโต มันแรงขนาดไหน หากอยู่ในเกียร์ 1 หรือถอยหลัง
**********************************************
การขับรถเกียร์ออโต้ ต้องเหยียบเบรกไว้ตลอดเวลา เมื่อเครื่องติด เมื่อเข้าเกียร์แล้วมันจะเคลื่อนทันที ต้องเบรกไว้ และปล่อยเมื่อจะออกรถไปเท่านั้น หากหยุดนาน ๆ ติดเครื่องต้องอยู่ที่ตำแหน่ง P และควรดึงเบรกมือไว้ด้วย การจอดขณะติดไฟแดง ดันคันเกียร์ไปที่ N ขณะที่ต้องเบรกมือ และควรเบรกเท้าไว้ให้เคยชิน เมื่อจะออกรถต่อไป ให้เลื่อนไปที่ D แล้วจึงปล่อยเบรก และเร่งเครื่องออกไป
กรณีชนบ้านพัง น่าจะไม่คุ้นเคยกับการใช้รถเกียร์ออโต เกียร์รถใหม่บกพร่องยาก
**********************************************
ลองดูบทความเก่านี้ดูครับ
*********************************************
“องค์เซอร์วิส” ถนนเชื้อเพลิงกับรถยุโรปประเภทเบ๊นซ์ หรือบีเอ็มดับบลิว เป็นที่รู้จักกันดีว่า ทุกปัญหาที่จบไม่ได้ต้องให้ที่นี่จัดการ มีเครื่องมือตรวจเช็คทุกระบบด้วยอีเล็คทรอนิค บวกกับฝีมือของช่างใหญ่ ในนามที่รู้จักในวงการคือ “องค์” กับทีมช่างไฟแรงที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาอย่างสุดฝีมือจากการสร้างสมประสพการยาวนานกับรถยุโรป ไม่เพียงแต่สองยี่ห้อที่กล่าวมาแล้ว แต่รถอัลฟ่า ก็เป็นรถที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษอีกด้วย ไม่ต้องพูดถึงรถที่สลับซับซ้อนน้อยกว่า เช่นเฟียต หรือสโกด้า ถือว่าเป็นของที่คุ้นเคย “ไม่ใช่คุย แต่เราคลุกคลีและวิเคราะห์ปัญหากันอย่างละเอียด เราลงทุนกับเครื่องมือพิเศษต่าง ๆ ที่จะนำมาตรวจเช็ครถที่พัฒนาต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ จนหู ตา และสัมผัสธรรมดา ๆ ไม่สามารถวิเคราะห์ได้” นอกจากมีเครื่องมือพร้อมที่จะหาสาเหตุของอาการรวนกวนใจได้อย่างแม่นยำแล้ว ความเก๋า
จริงบวกกับความพยายามค้นหาสาเหตุและใจที่เต็มร้อยทำให้อู่องค์เซอร์วิส เป็นที่ยอมรับว่าสามารถปราบปัญหาที่จบ
ไม่ลงได้ทุกอย่าง “ขอให้ไว้ใจเท่านั้นเราทำให้เจ้าของรถสบายใจได้ว่าออกไปแล้วต้องดี”
เราสามารถข้ามจุดแห่งความสงสัยและความน่าไว้วางใจไปได้เลย ประโยคนี้น่าจะเหมาะกับองค์เซอร์วิส
รถที่ผ่านเข้ามารับบริการเมื่อออกไปแล้วต้องดี
จากข่าวดังนักแสดงโดนรถเกียร์ออโต้ชนหนีบอัดคาประตูบ้านเมื่อเดือนก่อน ช่าง “องค์”ยืนยันว่าน่าสงสัย
เพราะเกียร์ออโต้เมื่อก้าวลงจากรถมันก็จะถอยทันที และหากมีความสามารถวิ่งไปด้านท้ายรถเพื่อดันให้รถหยุดก็เป็นไปไม่ได้ เพราะคน 3 คนยังดันรถเกียร์ออโตในตำแหน่งเกียร์ถอยหลังไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เหยียบคันเร่ง ไม่มีทางเอาอยู่โดยเฉพาะทางลาดลง แค่รถเปล่า ๆ ไหลลงก็ดันไม่อยู่แล้ว เพื่อพิสูจน์ก็ให้ช่างหนุ่มแน่น 3 คนลองดันท้ายรถเบ๊นซ์ แล้วคุณองค์ก็เข้าเกียร์ R รถก็ดัน 3 ช่างถอยร่นไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ แต่มั่นคง ในกรณีคน ๆ คนเดียวนั้นน่าจะ
ถูกอัดติดเสาประตูรั้วอย่างที่เป็นข่าว
เมื่อมีโอกาสพบผู้เชี่ยวชาญด้านเกียร์ออโต เราก็ขอให้ช่วยบอกเทคนิคการใช้เกียร์ออโต้ว่าจุดสำคัญ ๆ ที่เป็นปัจจัยทำให้เกียร์มีอายุการใช้งานยืนยาวว่ามีอะไรบ้าง ก็ได้รับคำยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณ “องค์” ว่า จุดสำคัญก็การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก ๆ 3 หมื่น กิโลเมตร เปลี่ยนตัวกรองด้วยเพื่อความมั่นใจ และเมื่อรถติดนาน ๆ ก็ควรปลดเกียร์ไปอยู่ในตำแหน่ง N เพราะหากอยู่ในตำแหน่งเดินหน้าแล้วเบรคไว้นาน ๆ คอร์คคอนเวิร์ตเตอร์จะทำงานตลอด
ทำให้เกิดความร้อน พวกยางซีลต่าง ๆ จะเสีย แต่อย่างไรก็ตามเกียร์ออโต้ก็มีอายุการใช้งานถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุด อย่าฝืนใช้อาจเกิดอุบัติเหตุได้
เกียร์ออโตแต่ละยี่ห้อต่างกัน รุ่นใหม่ ๆ มีระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วย มีวาล์วที่ปิดเปิดด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า ยิ่งต้องดูแลให้ดี รถที่ใช้เกียร์ที่เปลี่ยนด้วยระบบแรงดันน้ำมันเกียร์ล้วน ๆ จะทนนานกว่า
ก่อนจากกันช่าง “องค์” บอกว่ายินดีแก้ปัญหาทุกจุดทุกระบบที่ใครบอกว่ายาก หรือทำไม่ได้ ให้หายและใช้ได้ดังเดิม ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและประสพการยาวนาน ขอให้ไว้ใจ “ผมทำได้อยู่แล้ว”
**************************************
องค์ เซอร์วิส
เลขที่ 31 ถนนเชื้อเพลิง สาทร กรุงเทพฯ 10120
โทร.02-249-5430 ,02-249-3862
บริการซ่อม ตรวจเช็คเครื่องยนต์,เกียร์ออโต้ติดตั้งเพาเวอร์พวงมาลัยด้วยเครื่องมือตรวจเช็คด้วยระบบอีเล็คทรอนิคล่าสุด พรั่งพร้อมด้วยช่างผู้ชำนาญการกว่า 20 ปี ทุกปัญหาคลี่คลายได้โดยเฉพาะรถ BENZ,BMW
20 ก.ค. 2550
ฟอร์ด+มาสด้า ฉลองชัย
ออโต้อัลลายแอนซ์ฉลองผลิตครบล้านคัน ณ โรงงานระดับโลกที่ระยอง
ระยอง ประเทศไทย 19 กรกฎาคม 2550 – บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่างฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี และ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการผลิตเมื่อพ.ศ. 2541 กับการผลิตรถกระบะ 1 ตันครบ 1 ล้านคัน โดยโรงงานดังกล่าวซึ่งใช้เงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) ผลิตรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์และมาสด้า บีที-50 เพื่อป้อนให้กับตลาดในประเทศไทยและกว่า 130 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันมีกำลังการผลิตปีละ 175,000 คัน
ในภาพ ผู้บริหารสูงสุดจากออโต้อัลลายแอนซ์ ฟอร์ด และมาสด้า รวมถึงพนักงานออโต้อัลลายแอนซ์ และพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ ณ โรงงาน ที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นฐานการผลิตรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ และมาสด้า บีที-50 จากซ้ายได้แก่ มร. ทอม บริวเออร์ ประธาน ฟอร์ด ประเทศไทย มร. จอห์น ปาร์คเกอร์ รองประธาน กลุ่มธุรกิจภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปานี มร. มาซามิชิ โคไก ประธานบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มร. โรเบิร์ต กราเซียโน รองประธานบริหาร มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และ มร. จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
Subaru Legacy ในรุ่นที่ 4
19 ก.ค. 2550
********************************************
Legacy 2.0R Wagon, Legacy 2.5GT Wagon and Legacy 2.5GT Wagon Tuned by STI
***********************************************************************************
Subaru Legacy เปิดตัวครั้งแรกในปี 1989 ปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 4 กับระยะเวลา 18 ปี ที่ผ่านมา
Legacy ยังคงรักษาแนวคิดเดิมเพื่อให้เป็นยานยนต์ที่ไปได้ทุกที่ อย่างมั่นคง รวดเร็ว และให้ปลอดภัยสูง แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายและความสนุกในการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
สำหรับ Subaru Legacy ในรุ่นที่ 4 เริ่มต้นในปี 2004 ได้รับแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณร่วมแห่งสากลเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ให้ Legacy พัฒนารูปลักษณ์และพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น เทอร์โบใบพัดคู่ (Twin-Scroll Turbo) ท่อไอเสียออกแบบใหม่ให้มีความยาวเท่ากัน โครงสร้างตัวถังที่แข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบา ระบบช่วงล่างที่พัฒนาใหม่
ปัจจุบันผู้คนให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น Legacy ในยุคที่ 4 ก็เช่นกัน เราไม่เพียงให้ความสำคัญกับสมรรถนะแต่เพียงอย่างเดียว ซูบารุให้ความใส่ใจกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยีของซูบารุที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ กับเครื่องยนต์สูบนอน (Horizontally-Opposed Engine) หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่าเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All Wheels Drive) เราสรรสร้างรถยนต์อัจฉริยะ เช่น Subaru Legacy เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ กับองค์ประกอบ 3 ส่วนหลักด้วยกัน คือ ความสะดวกสบาย ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการขับขี่ที่ง่ายต่อการควบคุม
สำหรับ Subaru New Legacy ปี 2007 Face-lift ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงในหลายๆด้าน เพิ่มความหรูหราภูมิฐานและสวยงามขึ้นในหลายส่วน การตกแต่งภายนอกออกแบบให้มีสไตล์สปอร์ตขึ้นด้วยล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว (สำหรับ Legacy รุ่น 2.0 R และ 2.5 GT) ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว (สำหรับ Legacy รุ่น 2.5 GT Tuned by STI) กระจังหน้ารูปหกเหลี่ยมที่มาพร้อมกับเส้นสายแบบปีกเครื่องบินอันเป็นต้นกำเนิดของซูบารุ และตราสัญลักษณ์รูปดวงดาวของซูบารุตรงกลางขัดเงาเพิ่มความหรูหรา ไฟหน้าในรูปแบบตาเหยี่ยว (Hawk-eye) แบบซีนอน (เฉพาะ Legacy 2.5GT และ Legacy 2.5GT Tuned by STI) เพิ่มดีไซด์ใหม่ด้วยเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวขึ้นพร้อมที่ฉีกน้ำล้างเลนซ์แบบป็อบอัพ ไฟตัดหมอกแบบ Multi-reflector ไฟท้ายส่วนบนใช้เลนส์ใสแบบ 3 มิติ ดูสะอาดตาแบบมีสไตล์ กระจกมองข้างออกแบบให้โฉบเฉี่ยวเล็กลงตามหลักอากาศพลศาสตร์พร้อมไฟเลี้ยวแบบฝังในตัว ภายในตกแต่งอย่างหรูหรามีระดับ คอนโซลกลางออกแบบใหม่ใช้วัสดุเกรดพิเศษสีดำแทนสีโลหะเพื่อเพิ่มความหรูหรา เครื่องเสียงชั้นยอดระดับไฮเอ็นด์ที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับคอนโซลกลางใหม่พร้อมตราสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความสุดยอด McIntosh อย่างสวยหรู เบาะหนังสีดำเกรดพิเศษกว้างขวางเพิ่มความสบายในทุกอิริยาบท เบาะหน้าสำหรับผู้ขับขี่ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง แผงควบคุมออกแบบด้วยรูปลักษณ์ของปีกเครื่องบินให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในอากาศยาน มาตรวัดต่างๆ อ่านง่ายออกแบบในรูปแบบสปอร์ต พวงมาลัยเป็นแบบ Telescopic สามารถปรับขึ้นลงพร้อมดึงเข้าและออกได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่ ส่วนปุ่มปรับบนคอพวงมาลัยสามารถควบคุมและเข้าถึงได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการปรับระบบเครื่องเสียง (Audio Satellite Switchs) ปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control Switchs) ปุ่มควบคุมจอแสดงผล (Multi-function Display Switchs) SI-Drive Switchs เพิ่มฟังชั่นพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาเฉพาะรุ่น Legacy 2.5GT และ Legacy 2.5GT กับแป้นเกียร์ (Paddle Shift) ที่ปรับตำแหน่งเกียร์ขึ้นลงได้ที่ตำแหน่งพวงมาลัยแม้จะอยู่ในโหมด D เพื่อการขับขี่ที่สนุกสนานเฉกเช่นกำลังนั่งอยู่ในรถแข่งชั้นยอดของโลกฟอมูล่าร์ 1
SI-Drive (SUBARU Intelligent Drive) เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ 3 แบบที่คุณเลือกได้ตามใจปรารถนาตามสภาพของถนนและการจราจรให้คุณสามารถควบคุมเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน เหมือนมีเครื่องยนต์ 3 แบบในรถคันเดียว โหมดอัจฉริยะ (Intelligent Mode) สำหรับการขับขี่ในเมืองเพื่อการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพประหยัดสูงสุด เมื่อปรับปุ่มควบคุมไปที่สปอร์ต (Sport Mode) สำหรับการเดินทางบนถนนที่การจราจรเปิดโล่งหรือบนทางหลวงเพื่อการขับขี่ที่สนุกสนานเร้าใจในทุกเส้นทางการขับขี่ และโหมดสปอร์ตชาร์ป (Sport Sharp) พุ่งทะยานไปกับประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ในระดับสูงสุด เร็ว แรง มั่นใจ ในทุกรูปแบบของการขับขี่ (SI-Drive มีเฉพาะรุ่น Legacy 2.5GT และ Legacy 2.5GT Tuned by STI)
สำหรับเครื่องยนต์ของ Subaru New Legacy นั้น รุ่น Legacy 2.0R Wagon เป็นแบบสูบนอน (Horizontally Opposed Engine) 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ 1,994 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้าที 6,800 รอบต่อนาที่ และอีกรุ่น Legacy 2.5GT Wagon แบบสูบนอน (Horizontally Opposed Engine) 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบ ความจุกระบอกสูบ 2,457 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 250 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที สำหรับรุ่น Legacy 2.5GT พิเศษด้วยชุดแต่ง tune by STI
เชฟโรเลต มหาชัย หนุนโครงการ “สานฝันปันน้ำใจจากพี่สู่น้อง”
เชฟโรเลต หนุนโครงการ “สานฝันปันน้ำใจจากพี่สู่น้อง”
***********************************************
ราชบุรี – เชฟโรเลต สนับสนุนโครงการ “สานฝันปันน้ำใจจากพี่สู่น้อง” ของคณะนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม พร้อมมอบอุปกรณ์การศึกษา และสิ่งของจำเป็น เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาการศึกษา ให้กับโรงเรียนบ้านสวนผึ้ง
เชฟโรเลต มหาชัย ในนามบริษัท มหาชัยออโต้เซลส์ จำกัด ร่วมสนับสนุนโครงการ “สานฝันปันน้ำใจจากพี่สู่น้อง” ของคณะนักศึกษาภาคพิเศษ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม (ภาคจังหวัดสมุทรสาคร) เพื่อจัดหาสื่อการเรียนการสอน และปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาการศึกษาให้กับโรงเรียน บ้านสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โดยปรีชา ศิริแสงอารำพี ประธานบริษัท มหาชัยออโต้เซลส์ จำกัด และพนักงาน ร่วมกันมอบสิ่งของจำเป็น เช่น หมวก ร่ม เพื่อใช้งานระหว่างการทำงานปรับปรุงภูมิทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสนามกีฬา การปลูกต้นไม้ และกิจกรรมกลางแจ้งอื่น ๆ และมอบอุปกรณ์เพื่อการเรียนการสอน พร้อมทั้งนำตุ๊กตา สมุด และเสื้อยืด “คุณหนูปลอดภัยในยานยนต์” ไปมอบให้กับเด็กนักเรียนของโรงเรียนบ้านสวนผึ้งอีกด้วย
“เชฟโรเลต ให้การสนับสนุนและพัฒนาด้านการศึกษาให้กับนักเรียนนักศึกษาในประเทศไทยมาโดยตลอด และบริษัทของเรามีโครงการ เชฟโรเลตพัฒนาการศึกษาไทย ที่ผ่านมาบริษัทฯ ดำเนินการจัดสร้างห้องสมุดให้กับโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร 16 แห่ง จัดตั้งศูนย์การศึกษาเทคโนโลยียานยนต์ในประเทศไทย (Automotive Education Service Program in Thailand – ASEP Thailand) ให้กับ 11 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ด้วยงบประมาณกว่า 55 ล้านบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้อย่างชัดเจนถึงเจตนารมณ์ของเราในการจัดโครงการ “เชฟโรเลต พัฒนาการศึกษาไทย” ชาติชาย สุวรรณเสวก ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ประจำภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
“ผู้จำหน่ายเชฟโรเลต ทั่วประเทศมีการดำเนินนโยบายในการให้การสนับสนุนสังคมที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ และให้การสนับสนุนโรงเรียนต่าง ๆ ในภูมิภาคของตนตามนโยบายของเชฟโรเลตเสมอมา ดังเช่นโครงการสานฝันปันน้ำใจจากพี่สู่น้องของเชฟโรเลตมหาชัย ในครั้งนี้” ชาติชาย กล่าวสรุป
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)