เว็บแนะนำ วันนี้
http://www.erobertparker.com/.....สำหรับท่านท่ีสนใจไวน์ทั่วโลก
http://www.surathai.net/ .....สำหรับความเคลื่อนไหววงการสุราไทย รวมทั้งไวน์ในไทยทั้งหมด
***************************************************************************************************************************
เหตุผลท่ีชอบจิบไวน์..ง่าย ๆ ครับ
..ก็มันเป็นยานะครับ !!
หลายท่านคงสงสัยว่าทำไมบล็อกนี้มีเรื่องรถปนกับเรื่องไวน์ ซึ่งมันเป็นคนละพวก ใช่ครับคนละพวกหากดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถก็ต้องเจอด่านตรวจ และอาจโดนส่งฟ้องศาลหากแอลกอฮอล์ในเลือดมันเกิน
แต่จะบอกให้ว่าผมจิบไวน์เป็นยาครับ หมอเขาสั่งให้ผมจิบไวน์วันละ 1 แก้ว เพื่อรักษาอาการเส้นโลหิตฝอยท่ีไปเลี้ยงเส้นประสาทเกี่ยวกับการรับฟังของผมมันเกิดตีบกระทันหัน แบบเฉียบพลัน ขณะที่ขับรถอยู่ดี ๆ มันเดี้ยงไปแบบปิดสวิทช์
เหตุการร้ายเกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน ทำให้เรดาร์ผมขัดข้องไปพักใหญ่ ตากแดดไม่ได้เป็นปี ๆ เพราะมันจะหัวหมุน
รักษาอยู่สองปี โดยไปพักฟื้นท่ีบ้านจังหวัดพะเยา ต้องกินยารักษาแบบของฝรั่งหมดงบไปหลาย มันเหมือนมีเครื่องบินเจ็ทวิ่งอยู่ในหัว ต้องออกกำลังวิ่งทุกวันเป็นปี ๆ จนเดี๋ยวนี้ก็ต้องปั่นจักรยานทุกวัน วันไหนฝนตกก็ปั่นกับเทรนเนอร์
เมื่อกลับ กมท.หมอท่ี ร.พ.แห่งใหม่แนะนำว่านอกจากยาทั้งหลายแล้วเมื่อร่างกายเข้าท่ีให้ดื่มไวน์ทุกวัน จะเป็นผลดี
ทำให้ผมต้องศึกษาเรื่องไวน์ต่อจากท่ีเคยเรียนรู้นิด ๆ หน่อย ๆ เพื่อเขียนประชาสัมพันธ์โรงงานผลิตไวน์ให้เพื่อน จึงได้รู้จััก มร.โรเบิร์ต เอ็ม พาร์คเกอรื และหลาย ๆ อาจารย์เรื่องไวน์ ก็ใช้ไวน์มั่วไปหมด หนักไปทางไวน์ไม่แพงพวกเทเบิ้ลไวน์ และไวน์ผลไม้ไทยหลากหลาย เปลี่ยนไปเรื่อย จะได้ไม่เบื่อ
สองปีมาแล้วท่ีผมจิบไวน์หมดไปหลายโหล !!
อาการโรคต่าง ๆ ดีขึ้น ไปทำงานได้ ไม่มีปัญหา
ความดีของไวน์ท่ีดื่มแบบเป็นยาคือมันมีสารท่ีทำให้หลับสบาย ช่วยขยายหลอดเลือดท่ีทำท่าจะตัน ดื่มแล้วหน้าแดงเลือดฉีด แต่ไม่เคยเมา เพราะไม่ได้ดื่มให้เมาครับ
มันเป็นยาดี ๆ นี่เอง สมัยโบราณยุคฟาร์โร ยุคโรมัน หมอเขาให้คนป่วยหลายประเภทดื่มไวน์
ไม่ได้เว่อร์อยากเท่ห์อะไร ข้อดีท่ีเห้นชัดอีกอย่างคือทำให้เข้าสังคมได้ดี ดีกว่ากินโค๊กอย่างแน่นอน เพราะโค๊กมันมีแต่น้ำตาล หาประโยชน์ได้น้อยเต็มที
นอกจากเว็บแรกตอนหัวเรื่องก็ขอแนะนำอีกเว็บหนึ่งของ พาร์คเก่อร์ คือ http://www.wineadvocatefund.org/
สองเว็บนี้จะทำให้ผู้สนใจไวน์เข้าใจเรื่องไวน์มากขึ้นบ้าง ไม่มากก็น้อย ไม่จำเป็นต้องไปซื้อไวน์แพง ๆ บางทีก็ได้ของแจ๋ว ๆ ลองเข้าไปดูได้เลยครับ
ภาพประกอบเรื่องนี้ เป็นเหตุการเมื่อครั้งท่ีไปวังน้ำเขียว ไปทดสอบรถนิสสัน เอ๊กซ์์เทล กับเพื่อน แล้วแวะไปทักทายกับไวน์เมกเก่อร์ของวิลเลจฟาร์ม เจ้าของไวน์เยี่ยมหลายตัว ในชื่อชาโต เด บรูม(Chateau des Brumes) หรือแปลเป็นไทยว่า ปราสาทในสายหมอก
คนใส่เสื้อลายสก๊อตเป็นไวน์เมกเก่อร์คนหนึ่ง เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ของท่ีนั่น เปิดไวน์ทุกตัวให้ชิม ระดีับท็อปของท่ีนี่ ราคา 3900 บาท Chateau des Brumes - La Fleur สีดำ ๆ นั่นแหละ
คนเดียวกันนี้พบอีกครั้งเมื่อไปทดสอบรถฮอนด้า ซีอาร์วี ใหม่ 2007 เมื่อต้นปีนี้ เป็นผู้สาธิตการชิมไวน์ให้ผู้สื่อข่าวอีกด้วย
ส่วนคนยิ้มใส่เสื้อคอกลมขาวนั่นเป็นคอเบียร์ท่ีหลงเข้าไปในไวน์ยาร์ต ก็จำเป็นต้องดื่มไวน์ด้วย
ไวน์เป็นยานะครับ
http://www.villagefarm.co.th/ เว็บนี้ลองเข้าไปดูว่าเขาเจ๋งขนาดไหน
เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดในเรื่องไวน์ ไทย ๆ จาก villagefarm ขอเชิญอ่านบทความของอาจารย์ กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม ถึงเรื่องเหล่านี้
************************************************************************************************************************
ใครคือสุดยอดไวน์โลกใหม่ และใครคือพระเอกไวน์นิวละติจูด
....กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม
คนรักไวท์เกือบทุกคนแม้จะไม่เก่งกาจระดับไวน์กูรู แต่ถ้าพูดถึงไวน์โลกเก่าและไวน์โลกใหม่ขึ้นมาทีไร ก็สามารถแจกแจงได้มาเป็นฉาก ๆ ที่ว่านั้น “ไวน์โลกเก่า” คือเมรัยที่ผลิตมาจากกลิ่นไวน์ในยุโรป ในขณะที่ “ไวน์โลกใหม่” คือเมรัยที่ผลิตจากกลิ่นน้ำอมฤตแห่งชีวิตนอกทวีปยุโรป
ถิ่นไวน์โลกเก่าที่ระเดื่องนามสะท้านวงการน้ำอมฤตแห่งชีวิต ได้กลิ่นไวน์ในฝรั่งเศส ในอิตาลี ในสเปน ในเยอรมนี ในโปรตุเกส และอีกหลายประเทศในยุโรปตะวันตก
ส่วนถิ่นไวน์โลกใหม่แม้จะครอบคลุมแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลไปทั่วโลก แต่เมื่อปรับโฟกัสระดับย่อแล้ว จะเหลือเพียงไม่กี่ประเทศให้อ้างอิง ได้แก่กลิ่นไวน์ในออสเตรเลีย ในนิวซีแลนด์ ในแอฟริกาใต้ ในชิลี ในอาร์เจนตินา และในแคลิฟอร์เนีย (สหรัฐอเมริกา)
สำหรับ “ไวน์นิวละติจูด” เป็นคำใหม่ที่นักผลิตไวน์ในประเทศไทยบัญญัติขึ้น ซึ่งคนรักไวน์บางคนก็อธิบายว่าทำไมต้องเรียกอย่างนั้น ในขณะที่หลายคนยังไม่เข้าใจถึงความหมายของคำนี้
ไม่เข้าใจเพราะไวน์นิวละติจูด (ไวน์ไทย) อยู่นอกทวีปยุโรป ซึ่งก็คือ “ไวน์โลกใหม่” นั้นเองเหตุใดเล่าจึงต้องตั้งชื่อแปลกใหม่มาขานเรียกตนอง
ถูกแล้วครับ ไวน์เนอรี่ในประเทศไทยแม้จะสังกัดอยู่ในกลุ่มไวน์โลกใหม่ แต่โอกาสที่จะปั้นแต่งหรือผลิตให้ไวน์ของตนเองกระเดื่องชื่อเท่ากับไวน์โลกใหม่จากแคลิฟอร์เนียและออสเตรเลียนั้น เป็นเรื่อง “เข็นครกขึ้นภูเขา” เพราะอยู่ในภูมิภาคที่เซียนไวน์ทั่วโลกระบุว่า “ไม่เหมาะแก่การปลูกองุ่นผลิตเมรัย” ดังนั้นจึงต้องคดชื่อใหม่เรียกความสนใจและคำ “ไวน์นิวละติจูด” จึงกลายเป็นคำ “ฟ้าแล๊ปในสมอง”
แท้จริงไม่ว่าไวน์โลกเก่าหรือไวน์โลกใหม่ ถิ่นไวน์คุณภาพล้วนอยู่ที่ละติจูด 30 – 50 องศาเหนือและ 30 – 40 องศาใต้ ผิดองศาไปจากนี้ไม่มีโอกาสดัง แถมยังไม่เป็นที่ยอมรับขอนักผลิตไวท์อีกต่างหาก
ประเทศไทยอยู่ในละติจูด 5 – 21 องศาเหนือ อยู่นอกทฤษฎีถิ่นเมรัยที่จะปลูกองุ่นทำไวน์ได้อลังการและโอกาสที่ผู้ผลิตไวน์ในเมืองไทยจะโยกย้ายประเทศไปอยู่ในละติจูด 30 – 50 องศาเหนือเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นผู้ผลิตไวท์จำต้องคิดคำ “ไวน์นิวละติจูด” ขึ้นมาจุดประกายให้โลกทึ่ง
“ถิ่นไวน์โลกใหม่” ณ วันนี้ เมรัยจากเตนาปา วัลเล่ย์ (Napa Valley) ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้เป็นที่ยอมรับของนกดื่มไวน์ทั่วโลกไปแล้วว่า “นายคือสุดยอดถิ่นไวน์โลกใหม่”
โดยนาปา วัลเล่ย์ เป็นถิ่นเมรัยยอดอัศจรรย์ที่ปลูกองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon และพันธุ์ Merlot ทำไวน์ได้ดีเทียบเท่ากับแคว้นบอร์โดซ์ (Bordoaux) และปลูกองุ่นพันธุ์ Pinot Noir และพันธุ์ Chardonnay ทำไวน์ได้เยี่ยมเช่นเดียวกับแคว้นบูร์กอญ (Bourgogne) หรือคนทั่วโลกรู้จักกันในนามแคว้นเบอร์กันดี (Burgundy) ของฝรั่งเศส จนถูกตั้งฉายา นาปา วัลเล่ย์คือ Super BB หรือเป็น Bordeaux และเป็น Bourgogne แห่งแคลิฟอร์เนีย หรือเป็นซุปเปอร์สตาร์แห่งไวน์โลกใหม่
ยืนยันได้จากไวน์ดังกล่าวว่า 300 ยี่ห้อที่กระฉ่อนพิภพที่ไปจากกลิ่นไวน์แห่งนี้ โดยมีหลายตัวเป็นความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่สำหรับคนรักไวน์ที่ต้องตะเกียกตะกายและโหยหาจะต้องดื่มให้ได้ เช่นยี่ห้อ Screeming Eagle ยี่ห้อ Herlan Ertate ยี่ห้อ Opus One และยี่ห้อ Dominur เป็นต้น ซึ่งต่างมีราคาแพงแบบหูดับตับไหม้
แต่ที่คุณภาพเลิศล้ำจับใจมีราคาคุยกันได้แบบกากีนั้ง ซึ่งคอไวน์ทุกระดับชั้นสามารถเปรมสุขได้ โดยไม่ต้องกระเป๋าฉีกเช่น ยี่ห้อ Pine Ridge ยี่ห้อ Duckhorn ยี่ห้อ Grgich Hill ยี่ห้อ Story book Mountain และยี่ห้อ Joseph Phelps นั้น ทุกยี่ห้อนี้ล้วนมีขายในตลาดไวน์เมืองไทย เพื่อท้าทายให้คอไวน์พิสูจน์ความเจ๋งของไวน์นาปา วัลเล่ย์
ไวน์นาปาทุกยี่ห้อในกลุ่หลังนี้ผมได้ชิมมาแล้ว และหลายยี่ห้อที่ได้ชิมมาหลายเวอร์ชั่น จึงขอยีนยันอย่างไม่ลำเอียง “สุดยอดไวน์โลกใหม่คือนาปา วัลเล่ย์”
ถูกแล้วครับ “นายคือเรือธงของจริง”
“ไวน์นิวละติจูด” หรือเรียกให้ชัดเจนขึ้นชื่อไวน์ที่ผลิตในเมืองไทย ขณะนี้มีกว่า 10 ไวน์เนอรี่ที่กำลัง “ไขว่ฟ้าคว้าดาว” กันอย่ามุ่งมั่นทุกยี่ห้อและทุกเวอร์ชั่นผมก็ได้ชิมมาแล้วอย่างชุมปอด สรุปได้เลยว่าหลานเวอร์ชั่นบางยี่ห้อประทับใจและทำนายได้ว่า “นายมีอนาคต”
แต่ถ้าปรับโฟกัสให้แคบลงไปว่า “ใครเป็นพระเอก” ก็ขอฟันธงได้เลย ไวน์นิวละติจูดจากไร่ Village Farm Winery ซึ่งผลิตไวน์ยี่ห้อ Chateau des Brumes ออกมาหลายเวอร์ชั่นคือพระเอกตัวจริง
พระเอกตัวจริง เพราะไวน์มีกลิ่นรสและสีอันฉูดฉาดบาดอารมณ์จนเป็นเมรัยที่ระบุได้ “นี่คือไวน์แท้” เป็นเมรัยที่แม้แต่ชาวตะวันตกที่คุ้นเคยกับไวน์ดีมาชั่วชีวิตถึงกับเอ่ยปากว่า “เป็นไวน์ไทยที่มีแตร์รัวร์” (Terrois) โดยมี Chateau des Brumes รุ่น La Fleur เป็นเรือธง มี Chateau des Brumes รุ่น Prestige เป็นเรือพิฆาต และ Chateau des Brumes รุ่น Sysah ธรรมดาเป็นเรือประจัญบาน
หมายเหตุ.อาจารย์ กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม ไวน์กูรูเมืองไทยสามารถแยกแยะ แนะนำ เรื่องไวน์ได้แจ่มแจ้ง เป็นนักเขียนคอลัมน์ ในนิตยสาร ท่ีผมทำอยู่ครับ
