25 ส.ค. 2550
ขับ CAPTIVA ดีเซล ออลวีลไดร๊ฟ์เข้าป่าที่ทองผาภูมิ
การทดสอบแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงแรกเป็นทางเรียบ จากสถานีท่ากิเลน ที่ดัดแปลงเป็นสถานีแคปติวาชั่วคราว ไปตามทางสาย 323 ระยะทาง 116.4 กิโลเมตร ถึงปั๊มเชลล์ กม.ที่ 124
ช่วงแรกนิตยสาร DRIVE TIME ขับไปก่อน เป็นทางเรียบทั้งหมด ผมนั่งหลัง เนื่อง
จากทางเรียบขับรุ่นเบนซินมามากแล้วกว่าพันกิโลเมตรช่วงที่ยืมมาทดสอบเดี่ยว
จากนั้นก็เป็นช่วงที่ 2เปลี่ยนคนขับที่จุดนี้ ก็เป็นคิวบู๋ที่ผมต้องขับบ้าง
ระยะทาช่วงลุย 82.8 กิโลเมตร จากปั๊มเชลล์ กม.124 อำเภอทองผาภูมิ เข้าป่า ทางลูกรัง ทางหินลอยนิดหน่อยในช่วงขึ้นเนินชัน ๆ ตามช่องทางแคบ ๆ ที่ขุดเซาะไหลเขาก็เป็นทางดินลื่น มีร่องน้ำเป็นช่วง ๆ มีสะพานไม้เรียบตามยาวคบ ๆ สามสี่แห่ง
ก็เป็นทางเข้าป่าท่ามกลางสายฝนโปรดปรายเป็นระยะ มีทางคดโค้งขึ้นลงเขาให้ได้ทดสอบระบบไฮเทคต่าง ๆ ครบ ไม่ว่าจะเป็นระบบหน่วงความเร็วโดยไม่ต้องเบรกขณะลงทางชัน ระบบเกียร์ทริปทรอนิกที่เปลี่ยนได้ง่ายหากต้องการเปลี่ยนเอง ซึ่งก็เหมาะกับเส้นทางลำบากขึ้น ๆ ลง ๆ ลื่น ๆ ไหล ๆ เป็นอย่างมาก
ระบบป้องกันการลื่นไถลทำงานได้เฉียบขาดมาก เมื่อกดปุ่มนี้แล้วการเป๋ไปเป๋มา เนื่องจากแรงบิดในเกียร์ต่าง ๆ กับพื้นที่ลื่นจะหายไปหมด เหมือนขับรถบนทางธรรมดา ๆ อย่างน่าแปลกใจ แม้จะใช้เกียร์ 1 หรือ 2 แล้วกดคันเร่งลงไปเมื่อเจอทางลื่นมาก ๆ อาการต่าง ๆ จะไม่เกิดขึ้น เน่ืองจากถูกควบคุมไว้หมดด้วยระบบช่วยต่าง ๆ
ขาลุยที่ชอบออกอาการด้วยเทคนิกการขับแบบลุยสุด ๆ ต้องจ๋อยไปตามระเบียบ เนื่องจากแคปติวาเป็นรถสำหรับใครก็ได้ ถึงขับไม่เก่งสามารถไปได้อย่างปลอดภัยในทุกเส้นทาง
ไม่ต้องลุ้นว่าจะแถออกจากไลน์ที่ปลอดภัย ระบบเบรกเอบีเอส ที่มีวงจรช่วยอีกหลายอย่างเมื่อความฝืดแต่ละล้อต่างกันได้รวมหัวทำงานได้ดีเยี่ยม สามารถขับเป็นขบวนในความเร็วต่าง ๆ กันในป่าได้อย่างสบายอารมณ์ ไม่มีการชนท้ายกันเหมือนการทดสอบโคโลราโด ครั้งแรกแถว ๆ ระยอง
จึงไม่ต้องเกรงว่าจะไปชนท้ายรถคันหน้าเนื่องจากกะระยะผิด ระบบช่วยทำให้สั่งได้เหมือนใจนึก
ในแคปติวา รุ่นนี้ขับบนทางแบบไหนก็คล้ายกับว่าขับบนทางแห้ง
เรียกว่ามีความสมดุลในการขับตามปรัชญาการออกแบบรถรุ่นนี้ได้ชัดเจน
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทดสอบรถมา ในทางลื่นส่วนมากต้องระมัดระวัง
แต่งวดนี้ราบรื่นมาก
ดูภาพประกอบเดี๋ยวจะเล่ารายละเอียดเพิ่มเติม