27 ส.ค. 2550

เบนซิน vs.ดีเซล







เบนซิน vs.ดีเซล

*************************
ภาพรถแข่งที่ใช้เครื่องเทอร์โบดีเซล ดูรายละเอียดได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Audi_R10

*************************

ตามหลักการทำงานเครื่องยนต์ทั้งสองแบบมี 4 กลวัฏ หรือ 4 จังหวะเหมือนกัน คือ ดูด-อัด-ระเบิด-คาย

แต่เครื่องยนต์เบนซินจะจุดระเบิดด้วยหัวเทียน เมื่อลูกสูบเลื่อนขึ้นในจังหวะอัด เกือบถึงศูนย์ตายบน หรือเกือบจะสูงสุดนิดหน่อย หัวเทียนก็จะจุดส่วนผสมอากาศกับน้ำมัน ให้ระเบิดผลักลูกสูบลงไป

ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลนั้น ลูกสูบจะอัดอากาศเปล่า ๆ ขึ้นไปด้วยอัตราส่วนการอัดในกระบอกสูบที่สูง เช่น 17.5:1 แทนที่จะเป็น 9.5:1 หรือใกล้เคียงนี้ในเครื่องยนต์เบนซิน

เนื่องด้วยเครื่องยนต์ดีเซลซึ่งมีอัตราส่วนการอัดอากาศสูงขนาดนี้ทำให้เกิดความร้อนสูงมาก จนสามารถจุดระเบิดน้ำมันดีเซลจากหัวฉีด หรือละอองจากห้องไอดีเซลแรงดันสูงที่เรียกว่าคอมมอนเรลได้โดยตรง ไม่ต้องมีหัวทียน

ทำให้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นเครื่องยนต์ที่คล้าย ๆ เป็นระบบปิด ไม่ต้องกลัวว่าระบบไฟจะช๊อตที่สายคอยล์ สายหัวเทียนแล้วเครื่องดับ คือสามารถลุยน้ำได้ดีกว่า หากซีลท่อหายใจให้ดี ๆ หัวรถจมน้ำก็ยังไปได้ เพราะมีสนอเกิ้ลหรือท่อหายใจอยู่สูงขึ้นไป อย่างที่ชมรมออฟโรดชื่นชอบนั่งเอง (ระบบช่วยจุดระเบิดดีเซลจะใช้หัวเผาในช่วงที่เครื่องเย็นเท่านั้น อาจมีปัญหาในเมืองหนาวเมื่อเครื่องเย็นติดเครื่องยาก)

เหตุผลที่ยังนิยมใช้เครื่องเบนซินทั้ง ๆ ที่มีความยุ่งยากในระบบจุดระบิดก็เพราะเรื่องเบนซินมีอัตราส่วนการอัดน้อย เครื่องจึงเดิน
นุ่มนวล รอบจัด อัตราเร่งดีกว่า ไม่มีเสียงดังกราว ๆ ๆ ๆ โดยเฉพาะเครื่องรุ่นเก่า ๆ ดังมาก บางยี่ห้อคุยโม้ว่าประหยัดน้ำมัน แต่วิ่งเข้าปากซอย ที่บ้านเมียก็รู้แล้วว่าผัวกำลังจะมาถึง

มันดังกราว ๆ ๆ ขนาดนั้น

เครื่องยนต์เบนซินมีอัตราเร่งดีกว่า แต่มีแรงบิดน้อยกว่า การฉุดลากจึงด้อยกว่า(ทำให้รถบรรทุกทั้งหลายใช้เครื่องดีเซลกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่เครื่องหัวจักรลากตู้รถไฟ ก็เป็นเครื่องดีเซล เครื่องเรือเดินทะเลก็เป็นเครื่องดีเซลเป็นส่วนมาก)

ในยุคหลัง ๆ เครื่องยนต์ดีเซลได้ปรับปรุงใหม่ มีระบบอัดอากาศเพิ่มประสิทธิภาพเชิงปริมาตรได้ดีขึ้นมาก จะเห็นว่าเครื่องยนต์ในแคปติวา 2000 ซีซี ดีเซล เทอร์โบแปรผัน มีแรงม้าสูงกว่าเครื่องเบนซิน 2.4 ลิตร หรือ 2400 ซีซี (150/136) มีการออกแบบให้เกิดแรงสั่นสะเทือนน้อยลง

เครื่องยนต์ดีเซลมีมาตรฐานระดับแก๊สพิษลดน้อยลง และเขม่าไอเสียน้อยลง จนกระทั่งสามารถคบหากันได้

หากส่วนต่างราคาน้ำมันยังมีมากอยู่เคร่ืองยนต์ดีเซลจะเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น

วันนี้รถแข่งระดับโลกบางทีมก็ใช้เครื่องยนต์ดีเซลกันแล้ว

....อยู่ที่ผู้ใช้จะตัดสินใจเอาเอง ว่าชอบแบบไหน !?