11 มิ.ย. 2551

GM ชู E85 พลังงานทางเลือกใหม่ มีมลพิษต่ำ ลดต้นทุน การนำเข้าน้ำมัน


จีเอ็ม ชู “E85” พลังงานทางเลือกใหม่
มีมลพิษต่ำ ลดต้นทุนการนำเข้าน้ำมัน


กรุงเทพ – “ในภาวะวิกฤติการณ์ราคาน้ำมันดังเช่นปัจจุบัน E85 พลังงานทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูง ราคาย่อมเยา และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในอนาคตอันใกล้” มร. สตีฟ คาร์ไลส์ ประธานกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

จีเอ็ม และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ ในประเทศไทย ต่างเห็นพ้องต้องกันในการสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิง E85 ซึ่งมีส่วนผสมของเชื้อเพลิงเอธานอล 85 เปอร์เซ็นต์ และนำมันปิโตรเลียม 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่มีความสะอาดมากกว่า ให้มลพิษต่ำ และช่วยลดภาวะโลกร้อน นอกจากนั้น เชื้อเพลิงเอธานอล E85 ยังเป็นเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนการผลิตต่ำอันเนื่องมาจากมีส่วนผสมของน้ำมันปิโตเลียมเพียง 15% ที่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ทั้งในด้านการสร้างงานภาคการเกษตรอย่างมาก และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญยังเป็นการสร้างเสถียรภาพทางพลังงานของประเทศอีกด้วย

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีการนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียมถึง 87 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง 80 เปอร์เซ็นต์คิดเป็นการนำเข้าเพื่อใช้ในภาคการขนส่ง

เป็นเวลากว่า 7 ปีมาแล้วที่ประเทศไทยได้มีการนำพลังงานชีวภาพมาใช้ โดยในปี 2544 ประเทศไทยได้เริ่มใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มี เอธานอลเป็นส่วนผสม 10 เปอร์เซ็นต์ “จีเอ็ม อยากเห็นความตื่นตัวในการหันมาใช้รถยนต์ E85 ซึ่งเทคโนโลยีที่รองรับเชื้อเพลิง E85 นั้นมีความพร้อมอยู่แล้ว และรถยนต์ E85 ก็มีโอกาสมาวิ่งอยู่บนถนนในเมืองไทยในเวลาอันใกล้นี้ ตามความเป็นจริงแล้ว จีเอ็มหวังที่จะเปิดตลาดรถยนต์ E85 ภายใน 2-4 ปีนี้ ในปัจจุบัน จีเอ็ม มีอัตราการผลิตรถยนต์ E85 เพื่อจำหน่ายในตลาดโลกกว่า 400,000 คันต่อปี ซึ่งทำให้ปัจจุบันมีรถยนต์ E85 ของจีเอ็มวิ่งอยู่บนท้องถนนถึงกว่า 2 ล้านคันทั่วโลก” มร.คาร์ไลส์กล่าวย้ำ

“ประเทศไทยนั้นได้เปรียบตรงที่ได้เริ่มพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญไปมากแล้ว เวลานี้จึงควรดำเนินการพัฒนางานชิ้นสำคัญนี้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง” มร. คาร์ไลส์ยังกล่าวต่อไปอีกว่า “การที่จะผลักดันเชื้อเพลิง E85 เข้าสู่ตลาดนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และผู้บริโภค เพื่อลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ โดยภาครัฐควรให้การสนับสนุนในด้านการค้นคว้าวิจัย และควรพิจารณาการเพิ่มมาตรการจูงใจ เพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยและเชื้อเพลิงชนิดใหม่นี้”

ในประเทศไทย เชฟโรเลต ได้ริเริ่มแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้นหลายประการ อาทิ รถยนต์เชฟโรเลต ออพตร้า
ซีเอ็นจี และรถกระบะเชฟวี่ โคโลราโด ซีเอ็นจี ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานก๊าซธรรมชาติแบบอัด ซึ่งเชฟโรเลต เป็นรายแรกและรายเดียวที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในประเทศอย่างแพร่หลายพร้อมรับรองความมั่นใจให้กับลูกค้าอย่างเต็มที่ นอกจากนี้แล้ว เชฟโรเลตยังวางแผนที่จะแนะนำรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงเอธานอล อี 20 ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดตัวในเมืองไทยได้ช่วงปลายปีนี้ และพร้อมที่จะดำเนินการการผลิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง อี85 ได้อย่างรวดเร็วหากว่าภาครัฐมีนโยบายที่ชัดเจนและเหมาะสม