19 มิ.ย. 2550

ที่นี่มี ทางออก...สำหรับคนไทยในยุคน้ำมันแพง




ทางออก...ของคนไทยในยุคน้ำมันแพง !!!

ความผันผวนของราคาพลังงานในตลาดโลก โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบในปัจจุบัน ได้กลายเป็นปัญหาหลักทั่วโลก ของภาคอุตสาหกรรมและส่งผลกระทบโดยตรงกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการทุกราย ทุกขนาด ต่างขวนขวายหากลยุทธ์เพื่อบริหารจัดการลดต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดระบบการขนส่งให้มีประสิทธิภาพ การลดกำลังการผลิต หรือแม้กระทั่งการที่รัฐบาลมีนโยบายในการผลักดันให้เกิดโครงการรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงาน หรือ อีโคคาร์ ซึ่งเป็นความหวังของรถยนต์ในยุคน้ำมันแพง ที่ขณะนี้กำลังใกล้คลอดและเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น หลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ และสรุปโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตไว้ที่ 17% โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคม 2552นี้
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทางภาครัฐพยายามผลักดันให้เกิดโครงการใหม่ๆที่รองรับความต้องการในปัจจุบันอย่างอีโคคาร์ให้กลับขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นความหวังของประชาชนทั่วไปที่ต้องการมีรถยนต์ขนาดเล็ก ราคาประหยัด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ในยามที่ราคาน้ำมันแพงลิตรละเกือบ 30 บาท
ในขณะที่พลังงานที่คุ้นเคยอย่างน้ำมันซึ่งราคาสูงกำลังกลายเป็นตัวปัญหา ทางออกของคนไทยในยุคนี้คงจะหนีไม่พ้น ที่จะหาหนทางหรือวิธีลดการใช้พลังงานในภาคการผลิต หรือในชีวิตประจำวัน โดยการใช้พลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน ไม่ว่าจะเป็น ก๊าซธรรมชาติ ไบโอดีเซล ก๊าซเอ็นจีวี รถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ การผลักดันให้เกิดโครงการอีโคคาร์ รวมไปถึงการลดการใช้น้ำมันในภาคการขนส่ง โดยให้ผู้ขับขี่รถยนต์ ผู้ประกอบการกิจการขนส่ง หันไปใช้แก๊สธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมัน เพราะมีราคาถูกกว่า ใช้แล้วไม่มีปัญหาเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์
อย่างไรก็ตามด้วยสภาวะวิกฤติราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการไม่ได้คาดหวังจะให้พลังงานทดแทนเป็นตัวช่วยทั้งหมด หรือมาแทนที่พลังงานที่ใช้อยู่เดิม หลายรายคาดหวังเพียงผ่อนหนักให้เป็นเบา โดยการนำเอาอุปกรณ์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ไทยในปัจจุบันได้มีการพัฒนาการผลิตชิ้นส่วนหรือนวัตกรรมใหม่ๆ นี้มาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นแรงเสริมในการประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย อันที่จริงแล้วคนไทยสามารถผลิตชิ้นส่วนที่ได้คุณภาพจนเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก แต่การหาตลาดในต่างประเทศนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย การเปิดตลาดกับคู่ค้ารายใหญ่ หรือหาผู้ซื้อที่ตรงกันนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากกว่า
ข่าวดีก็คือ ผู้ประกอบการชาวไทยกำลังจะมีทางเลือกในการแก้ปัญหาข้างต้น โดยประเทศไทยจะมีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงาน Automechanika Thailand 2008 ขึ้นเป็นครั้งที่สองนับจากปี 2549 ซึ่งงาน Automechanika Thailand 2008 นี้ จัดขึ้นโดยความร่วมมือของบริษัท International Promotion & Exhibition Co., Ltd. หรือ IPEX และ Messe Frankfurt (HK) Ltd บริษัทชั้นนำในการจัดงานแสดงสินค้าระดับโลก งาน Automechanika เป็นหนึ่งในสุดยอดงานแสดงสินค้าด้านชิ้นส่วนยานยนต์ ของโลก ซึ่งจัดกระจายอยู่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นแฟรงค์เฟิร์ต อิสตันบูล เซี่ยงไฮ้ เม็กซิโก เป็นต้น ตลอดมางาน Automechanika เป็นเสมือนศูนย์กลางเทคโนโลยีชิ้นส่วนยานยนต์ แหล่งพบปะแลกเปลี่ยนทางธุรกิจที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้ซื้อ ตัวแทนจำหน่ายก็ตาม
งาน Automechanika Thailand 2008 จะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 6 – 9 มีนาคม พ.ศ. 2551 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี โดยในงานจัดแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ 6 โซน ครอบคลุมธุรกิจ เทคโนโลยีหลักของอุตสาหกรรม ดังนี้ 1. กลุ่มชิ้นส่วนและระบบ 2. กลุ่ม
อุปกรณ์ตกแต่งและการปรับระบบ 3.กลุ่มสินค้าสำหรับงานซ่อมและการบำรุงรักษา 4. กลุ่มสินค้า
สำหรับศูนย์บริการและล้างรถ 5.กลุ่มสินค้าชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ 6. ระบบไอทีในรถยนต์ ซึ่งสองกลุ่มหลังเป็นโซนใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาพิเศษในปีนี้ เพื่อตอบสนองการขยายตัวของการใช้รถจักรยานยนต์ในแถบเอเชีย และอุตสาหกรรมไอทีในระบบรถยนต์
งาน Automechanika เป็นงานแสดงสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เป็นงานใหญ่ที่คนในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกรู้จัก ไม่เพียงเท่านั้น Automechanika Thailand 2008 ยังได้รับความร่วมมือและแรงสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน เต็มที่ โดยมีผู้ให้การสนับสนุนดังนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หน่วย BUILD ของบีโอไอ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ สมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทย สถาบันไทยเยอรมัน สถาบันยานยนต์ เป็นต้น งานนี้ถือเป็นการรวบรวมนักธุรกิจ ผู้ประกอบการในวงการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์จากทุกมุมโลก เข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านเทคโนโลยี ตลอดจนการเจรจาซื้อขายธุรกิจ จึงนับเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการไทย ที่จะใช้เวทีนี้เป็นประตูการค้า และเปิดช่องทางการตลาดเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตระดับนานาชาติ ตลอดจนสร้างเสริมศักยภาพทางการแข่งขันกับประเทศต่างๆ เพื่อก้าวไปสู่ตลาดโลกในอนาคต