6 ส.ค. 2550

รถของคุณซื้อมามีปัญหาไหม ?




คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เพิ่งตื่น เข้มงวดรถมือสอง

********************************************************

คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ออกประกาศในเรื่องการคุ้มครองผู้ซื้อรถยนต์ที่ใช้แล้วออกมา โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน เป็นต้นไปนั้น เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อรถยนต์ใช้แล้ว หรือรถยนต์มือสองจากเต็นท์จำหน่ายรถยนต์ ดังนั้น จากนี้ไปผู้ประกอบธุรกิจจะนำออกขายจะต้องจัดทำฉลากให้เห็นอย่างชัดเจน ขนาดตัวอักษรไม่ต่ำกว่า 1 เซนติเมตร ระบุรายละเอียดตามรายการที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ตั้งแต่วันจดทะเบียนจนถึงวันจำหน่าย อย่างน้อย 20 รายการ เช่น ประเภทของรถ ยี่ห้อรถ สีรถ และยี่ห้อเครื่องยนต์ เป็นต้น ทั้งนี้ ข้อความในฉลากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคใช้ ในการประกอบการพิจารณาเลือกซื้อ เพื่อไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ
ทั้งนี้ หลังวันที่ 8 สิงหาคมนี้ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจะออกตรวจสอบ ซึ่งหากผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ใช้แล้วไม่จัดทำฉลากให้ถูกต้อง จะมีโทษตามกฎหมาย หรือระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

***********************************************
ความเป็นมาเรื่องรถมีปัญหา เป็นเรื่องของรถทั้งเก่า และใหม่ แต่ส่วสนมากมักเป็นปัญหารถใหม่มากกว่า มีการร้องเรียรข้ามปี ดังข่าวเก่า ๆ เหล่านี้ แต่เรื่องรถมือสองที่จมีการกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้ซื้อนั้นต้องรออีกเดือนหนึ่งจึงจะมีประกาศออกมา

**********************************************

ต่อไปนี้เป็นข่างปัญหาเก่า ๆ ที่เกิดขึ้นมาแล้วมากมาย
**********************************************

ข้อบกพร่องของรถยนต์ ท่ีมีการเรียกคืนมาแก้ไข

กรณีการทุบรถการขู่จะเผารถประท้วงเป็นข่าวเกรียวกราวในบ้านเราเมื่อสองปีท่ีผ่านมา หากคิดในแง่วิศวกรรมยานยนต์ที่การออกแบบและผลิตจะพิถีพิถันมันไม่น่าเกิดขึ้นได้ ในเมื่อรถแต่ละคันกว่าจะนำออกมาจำหน่ายได้นั้นมีการควบคุมคุณภาพทุกจุด

เมื่อประกอบเป็นคันแล้วก็ผ่านระบบ คิว.ซี. อย่างละเอียด แปะสติ๊กเกอร์ Q.C. PASS เรียบร้อย นำไปจอดเรียงราย ทำท่าแข็งแรง ถูกต้อง ทุกระบบทุกคัน

แต่อย่างไรก็ตามการประกอบรถต้องผ่านทั้งมือคนท่ีมีอารมณ์มีความรู้สึกก็อาจผิดพลาดได้ และเครื่องจักรประเภทโรบ็อตท่ีว่าแม่นยำก็อาจพลาดอีกเช่นกัน

โดยเฉพาะเมื่อมีการเร่งผลิต น็อตสกรูมีเป็นพันเป็นหมื่นย่อมเผลอไผลกันได้

ในยุคหนึ่งรถบางรุ่นขายดี สร้างภาพพจน์เยี่ยมจนต้องจองล่วงหน้ากันหลายเดือน เพื่อนผมคนหนึ่งสั่งซื้อมาใช้ ด้วยความรีบเร่ง หรือโลภมาก ฝ่ายขายอยากให้ยอดขายสูง ๆ ปรากฎว่าชิ้นส่วนบางอย่างขาดหายไปดื้อ ๆ คือแผ่นพลาสติกกันน้ำท่ีซุ้มล้อ ทำให้เขาเสียความรู้สึกมาก และต่อต้านรถยี่ห้อนั้นจนกระทั่งเด๋ียวนี้ยังไม่หายโกรธเลยครับ

กรณีการเร่งผลิตให้ทันออร์เดอร์ผมเคยสัมภาษณ์คนงานในไลน์ประกอบท่ีไปทำงานในโรงงานประกอบรถท่ีญี่ปุ่นหลายยี่ห้อ บอกว่าบางช่วงจะมีการประกอบ 24 ชั่วโมง โดยใช้คนงานชุดเดียว เพื่อความรวดเร็วเนื่องจากมีความชำนาญงาน จะได้พักนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น


สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำท่ีผิดกฎหมายแรงงานท่ีคนภายนอกไม่รู้ รู้แต่ว่ารถมาปรากฎท่ีโชว์รูมเรียบร้อยแล้ว

ผู้ใช้รถก็อาจรับกรรมไปหากเป็นข้อบกพร่องท่ีทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้

แม้แต่การออกแบบชิ้นส่วนเองก็อาจมีปัญาภายหลัง เมื่อผ่านการใช้ไประยะหนึ่ง เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์จะแยกชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิสระเป็นผู้ผลิต เช่นมอเตอร์สตาร์ท ไดชาร์ต กระจก ไฟฟน้า ไฟต่าง ๆ แม้แต่ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุม ฯลฯ

จึงปรากฎว่าในรถแต่ละคันแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ มีชิ้นส่วนท่ีเหมือนกัน ผลิตจากท่ีเดียวกันปรากฎอยู่มากจุด ถือเป็นเรื่องธรรมดา

เมื่ิอมีข้อผลิดพลาดเกิดขึ้นผู้ผลิตต้องรับผิดชอบ มีการเรียกรถกลับเข้าศูนย์บริการเพื่อแก้ไขเป็นหลักร้อย หลักพัน ถึงหลักแสนคัน แต่ไม่ถี่มากนัก นาน ๆ จะมีข่าวให้หวาดเสียวหรือเสียความรู้สึกท่ีอุตส่าห์ซื้อมาด้วยราคาแพง

ดังเมื่อไม่กี่วันมานี้มีข่าวว่าทางมาสด้าเรียกรถหลาย 2 รุ่น คือ มาสด้า เดมิโอ และเวริซา จำนวน 264,276 คัน ในญี่ปุ่น ที่ผลิตระหว่างเดือนมิถุนายน 2545 - มีนาคม 2549 เข้าแก้ไขข้อบกพร่องในระบบคลัทช์

ทั้ง 2 รุ่นมีการส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ ทั้งออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง และบรูไน แต่ไม่สามารถระบุจำนวนได้แน่นอน

ทางมาสด้าจะพิจารณาการเปลี่ยนอะไหล่ที่มีปัญหาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับระเบียบและกฎหมายเฉพาะของแต่ละประเทศ

ขณะเดียวกัน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ส ออกแถลงการณ์จะเรียกคืนรถยนต์นั่งรุ่นแฟร์ เลดี้ จำนวน 1,248 คัน เข้ารับการแก้ไขโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในรถที่บกพร่อง

ส่วนบริษัทอีซูซุ มอเตอร์ส จะเรียกคืนรถยนต์ที่ผลิตระหว่างเดือนพฤษภาคม 2548 - มีนาคม 2550 ไม่ระบุรุ่นจำนวน2,607คันเข้ารับการแก้ไขโปรแกรมคอมพิวเตอร์ควบคุมระบบเครื่องยนต์ที่มีความบกพร่องในการทำงาน

ไม่ทราบว่ามีเจ้าของรถรายใดโมโหโกรธาถึงขนาดทุกรถด้วยฆ้อนปอนด์ ประท้วงเมืองประเทศไทยหรือไม่ ?

คนที่รักรถยิ่งกว่ารักแฟนมีจริง ๆ ในโลกกลม ๆ ใบนี้ !!

ไม่มีผู้ผลิตรายใดในโลกอยากให้เกิดเหตุการแบบนี้ เพราะทำให้เสียภาพพจน์ เสียเงิย เสียเวลา

การใช้รถยนต์ท่ีถูกต้องนั้นจำเป็นต้องบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ ตามระยะเวลา หรือระยะทางท่ีใช้ และควรใช้รถภายใต้เงื่อนไขของผู้ผลิตด้วย

เงื่อนไขคือไม่บรรทุกเกิน ในกรณีรถปิคอัพ จะปลอดภัยทั้งโครงสร้าง ระบบช่วงล่วง ระบบเบรก ตลอดจนเครื่องยนต์นั้นต้องไม่บรรทุกเกิน

การปรับแต่งเสริมช่วงล่าง เปลี่ยนเฟืองท้ายเพื่อแบกน้ำหนัก เป็นการกระทำท่ีผิด และผิดกฎของกรมการขนส่งทางบกอีกด้วย

ในประเทศไทยการโมดิฟายรถปิคอัพ เพื่อบรรทุกเกินทำให้เกิดอุบัติเหตุเสมอ และเป็นช่องทางทำให้เกิดการรีดไถของเจ้าหน้าท่ีท่ีคอรัปชั่น


************************************************************************************************************
*********************************************

เพื่อทบทวนความจำผมได้ค้นข่าวเก่า เอามาเล่าใหม่ ว่าความบรกพร่องของผู้ผลิตรถทำให้ผู้ใช้เสียความรู้สึกขนาดไหน ไม่ได้ตั้งใจฟื้นฝอยแต่อย่างใด เนื่องจาก บล็อกนี้เพิ่งเริ่มมาได้เดือนกว่า ๆ ก็ต้องมีนิยายย้อนหลังกันบ้าง !!

****************************************************************************************************************


ข่าวจากอินเตอร์เน็ทขณะนั้น เมื่อปี 2548 เป็นงานเปิดมอตอร์โชว์ ครั้งท่ี 26 ท่ีไบเทค บางนา ผมอยู่ในเหตุการด้วยขณะท่ีอดีตนักกีฬาทีมชาติกระโดดน้ำปลอมตัวเป็นผู้สื่อข่าวเข้าไปโวยวายท่ีบูธโตโยต้า ขณะท่ีกำลังโชว์รถในวันผู้สื่อข่าว

เล่นเอาเจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยและตำรวจหัวหมุนไปเกือบครึ่งชั่วโมง และค่ำวันนั้นก็มีข่าวออกทีวีทุกช่อง รุ่งขึ้นอีกวันหนังสือพิมพ์รายวันรายงานพาดหัวข่าวเกือกทุกฉบับ

หลายท่านคงจำได้ ผมจำได้แม่นเพราะเขาใส่สูทอย่างดี ไม่มีกลัวใครเลย แม้แต่ตำรวจ วันนั้นผู้สื่อข่าวช่างภสาพเกินร้อยคน ถ่ายกันทุกคนนั่นแหละครับ

วันต่อ ๆ มาก็มีรายการโชว์รถท่ีหน้าไบเทค เป็นโชว์พิเศษครับ เพราะคนท่ีซื้อรถหลากหลายยี่ห้อท่ีเกิดอาการผิดหวังก็เอารถต้นเหตุมาประจาน มีรายละเอียดดังนี้ครับ

****************************************************************************************************************

ประจาน -บรรดาเจ้าของรถป่วย ซึ่งมีทั้งรถยุโรปและรถญี่ปุ่นหลายยี่ห้อ นำรถไปจอดประจานที่หน้างานมอเตอร์โชว์ ไบเทคบางนา โดยมีผู้ที่มาร่วมงานสนใจซักถามปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถจำนวนมาก เมื่อ 25 มี.ค. 2548

เจ้าของรถที่มีปัญหา 8 คัน รวมกลุ่มกดแตรดังสนั่นหน้างานมอเตอร์โชว์ ประจานค่ายรถ แต่ไร้วี่แววตัวแทนบริษัทออกมารับฟังปัญหา ก่อนยกขบวนไปหน้าสถานทูตญี่ปุ่น ยื่นหนังสือร้องเรียน พร้อมรถกงเต๊ก แต่ไม่ได้เผารถตามที่ขู่ อ้างขอยื่นเรื่องร้องเรียนนายกฯ วันที่ 26 มี.ค. 2548 นี้ก่อน

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2548 กลุ่มเจ้าของรถยนต์ที่มีปัญหา 8 คัน ได้แก่ โตโยต้าอัลติส 2 คัน, เบนซ์รุ่นเอส 280 จำนวน 1 คัน, รถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ 2 คัน, รถตู้นิสสัน 2 คัน และรถยนต์มาสด้า แลนติส 1 คัน รวมตัวกันที่ศูนย์แสดงสินค้าและนิทรรศการไบเทค บางนา สถานที่การจัดงาน "บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์" ครั้งที่ 26

เพื่อประจานและเรียกร้องให้ผู้บริหารค่ายรถยนต์ต่างๆ ดูแลแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เดินทางไปยังบริเวณหน้าอาคารจัดงาน เพื่อประจานค่ายรถยนต์ที่มีปัญหา โดยมีการติดข้อความบรรยายเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวรถ และนำพวงหรีดมาแขวนไว้หน้ารถ รวมทั้งกดแตรรถเสียงดังสนั่นค้างไว้เป็นเวลานาน
********************************************
นายเสถียร ทรัพย์มาลีผล เจ้าของรถยนต์มาสด้า วี 6 กล่าวว่า ซื้อมาประมาณ 10 ปีแล้ว แต่วิ่งได้ 4 เดือนเพลาก็หลุด พอเอาเข้าศูนย์ก็บอกว่าไม่มีแหวนล็อคล้อ รถที่ซื้อมาก็นำเข้ามาจากญี่ปุ่นทุกอย่าง อาการเริ่มแรกที่เกิดขึ้นคือ เบรกไม่อยู่ ตนจอดรถไว้เฉยๆ กว่า 9 ปีแล้ว ร้องเรียนเมื่อปี 2539 ฟ้องร้องผมก็ชนะ ศาลสั่งให้ตนชนะแล้วให้มีการคืนเงินตน แต่ตอนนี้ทางบริษัทก็ไม่ได้ทำตามคำสั่งศาล ที่ผมออกมาร้องก็เพื่อให้คนอื่นทั่วไปทราบ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อเหมือนตน
*******************************************
นายองอาจ กองแสง เจ้าของรถตู้นิสสัน URVAN กล่าวว่า ซื้อมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2546 เคยแจ้งไปทางศูนย์แล้ว กลับบอกว่ารถตนวิ่งเร็วเกินไปทำให้เกิดการสึกหรอของชิ้นส่วนควบคุมเปิด-ปิดไอดีไอเสีย ตนต้องจอดซ่อมไว้ถึง 5 เดือน ต้องเสียค่าซ่อมเกือบ 200,000 บาท จึงอยากให้บริษัทรับรู้ถึงปัญหาของลูกค้าบ้าง
********************************************
ขณะที่นายทวี โต๊ะสมัน อายุ 46 ปี อาชีพพนักงานขับรถ เป็นตัวแทนเจ้านายของตนมาร้องเรียนรถเบนซ์รุ่นเอส 280 กล่าวว่า ซื้อมาประมาณ 4 ปี วิ่งได้ประมาณ 90,000 กิโลเมตร ปัญหาเกิดขึ้นครั้งแรกคือหน้าปัดระบบไฟเกิดอาการรวน ที่เหยียบคันเร่งก็มีปัญหา เมื่อเหยียบไปแล้วเครื่องไม่เร่ง ต้องเหยียบซ้ำหลายที ล่าสุดเมื่อ 2 เดือนก่อน เบนซ์ช่วงล่างแย่มาก เอาอะไหล่ญี่ปุ่นมาใส่ให้ ทั้งที่รถเป็นรถเยอรมัน เจ้านายทนไม่ไหวก็เลยให้ผมออกมาเรียกร้อง
********************************************
ส่วนเจ้าของรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ ดีโฟร์ดี 2 คัน คันแรกเป็นของนางวิภา พฤกษ์ภัทรกุล อายุ 53 ปี กล่าวว่า ซื้อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2545 อาการเริ่มแรกคือ แชสซีซ้ายหัก เมื่อใช้งานได้เพียง 29 เดือนเท่านั้น ทางโตโยต้าได้เชื่อมให้ จนกระทั่งประมาณ 3-4 เดือน แชสซีก็หักอีกจากจุดเดิม
**********************************************
อีกคันเป็นของนายมนัส เชื้อวุ้หลิม กล่าวว่า ซื้อรถคันดังกล่าวมาได้ 14 เดือน เข้าศูนย์ 10 กว่าครั้งแล้ว อาการเริ่มแรกคือถังน้ำมันเกิดเสียงดัง ทางศูนย์ก็ทำการเปลี่ยนให้แต่ก็ยังดังเหมือนเดิม และตนขอให้เปลี่ยนรถใหม่ให้โดยจะออกเงินฝ่ายละครึ่ง แต่ทางศูนย์บอกว่าไม่มีนโยบายนี้
*****************************************************
ต่อมาช่วงบ่าย นายธนกฤษ บุญญะเหมภาส นำรถโตโยต้าอัลติสมาร่วมด้วย โดยกล่าวว่า ซื้อรถมาได้ประมาณ 13 เดือน ช่วง 2 เดือนแรกก็เกิดปัญหากับรถมาโดยตลอด มีอาการเบรกพัง พวงมาลัยสั่น ยางรถยนต์พังทั้งสี่เส้น อยากให้ทางโตโยต้าซื้อคืนรถคันนี้ไป
****************************************************
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้บริหารค่ายรถต่างๆ ไม่ได้ส่งตัวแทนมาพบกับผู้ร้องเรียน ยกเว้นตัวแทนบริษัทเดมเลอร์ไครสเลอร์ ที่มารับฟังปัญหากรณีรถเบนซ์รุ่นเอส 280 ที่นายทวีมาร้องเรียนแทนเจ้านายเท่านั้น แต่ไม่ได้ตกลงเจรจาใดๆ

จากนั้นเวลาประมาณ 14.30 น. กลุ่มผู้ประท้วงที่ใช้รถญี่ปุ่น 6 คัน ออกเดินทางมุ่งหน้าไปสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนไปจอดเรียงกันบริเวณริมฟุตปาธสี่แยกอโศก เพชรบุรี ตรงข้ามกับสถานทูตญี่ปุ่น และเจ้าของรถทั้งหมดรวมตัวกันเดินข้ามไปยื่นหนังสือประท้วงเรียกร้องให้ญี่ปุ่นเข้ามารับผิดชอบ พร้อมกับมอบรถยนต์กงเต๊ก และพวงหรีด โดยมีเจ้าหน้าที่ของสถานทูตญี่ปุ่นมารับหนังสือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจจาก สน.มักกะสัน ตำรวจกองกำกับการป้องกันและปราบปรามการจลาจล และตำรวจสันติบาล เดินทางมารักษาความปลอดภัยสถานที่เกิดเหตุกว่า 40 คน นำถังดับเพลิง 4 ถัง มาคอยป้องกันเหตุร้าย

ด้าน พ.ต.อ.สมยศ ศรีสมวงศ์ ผกก.สน.มักกะสัน ที่เดินทางมาตรวจดูความเรียบร้อย กล่าวว่า ได้พูดจาต่อรองให้ใช้วิธีสันติ เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน และจะเสียภาพลักษณ์เพราะอยู่หน้าสถานทูต แต่หากเผารถจริงจะมีความผิด มาตรา 220 ข้อหา กระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้จะเป็นของตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น มีโทษจำคุก 7 เดือน หรือปรับไม่เกิน 14,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายเสถียร ทรัพย์มาลีผล เจ้าของรถยนต์มาสด้า กล่าวด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า ที่พวกตนต้องออกมาประท้วงเรียกร้องความยุติธรรม เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ไม่มีความรับผิดชอบแก่ผู้บริโภค ตนเคยยื่นหนังสือถึงบริษัทเกี่ยวกับปัญหาของรถที่เกิดขึ้น และยื่นเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงต้องมาประท้วงอีก ที่พวกตนไม่ได้เผารถโชว์อาจทำให้นักข่าวผิดหวัง แต่พวกตนต้องทำตามขั้นตอนก่อน ในวันที่ 26 มีนาคม เวลา 09.00 น. จะไปยื่นเรื่องแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล

"เวลารถได้รางวัลก็ออกมาโฆษณาว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอมีปัญหาไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด ทนมานานแล้วถึงต้องทำแบบนี้" นายเสถียรกล่าวอย่างมีอารมณ์ ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันกลับ
******************************************************
วันเดียวกัน นางกมลพร เพชรานนท์ นักธวุรกิจย่าน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่ร้องเรียนว่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อแลนด์โรเวอร์ ป้ายแดง รุ่นดิสคัฟเวอรี่ ราคา 3 ล้านบาท แล้วเกิดปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง โดยบริษัทไทยอัลติเมทคาร์ รับผิดชอบซ่อมให้บางส่วน โดยไม่ยอมรับซื้อคืนตามที่เรียกร้อง กล่าวว่า ล่าสุดได้รับการติดต่อจากนายนภดล สุพละเศรษฐ์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ให้ไปรับรถคืน โดยนายนภดลยืนยันบริษัทได้ตรวจสอบและทดสอบรถเรียบร้อย พบว่ารถอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมส่งมอบคืนรถกลับมาใช้ ซึ่งตนจะไปรับรถดังกล่าวคืน และไม่ใช้รถดังกล่าวอีกต่อไป แต่ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ จะนำรถไปจอดประท้วง และวางพวงหรีดที่หน้างานมอเตอร์โชว์ พร้อมกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจ จากนั้นจะนำรถไปฝังริมถนนสายมอเตอร์เวย์ ที่จัดเตรียมไว้ พร้อมทำป้ายคัตเอาต์ขนาดใหญ่ติดประกาศให้ประชาชนทราบว่า บริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ฝังศพรถแลนด์โรเวอร์ป้ายแดงต่อไป
*********************************************************
ทัพรถป่วยยื่นหนังสือทูต"ญี่ปุ่น"วันนี้ลุยต่อร้อง"แม้ว"

*********************************************************

ส่วนกรณีนายดีเอก มณีโชต (รายนี้แหละท่ีเป็นนักกีฬาโดดน้ำทีมชาติเก่า)ิ เสี่ยเจ้าของร้านจิวเวลรี่ บุกเข้าไปในบูธโตโยต้า พร้อมตะโกนเรียกหาผู้บริหาร เพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับรถยนต์โตโยต้า อัลติส รุ่นท็อป ราคา 995,000 บาท ที่ซื้อไปเมื่อ 3 ปีก่อนแล้วมีปัญหานั้น นายจิระชัย มูลทองโร่ย เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน 8 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า ที่นายดีเอกมาร้องให้ สคบ.ดำเนินการ คือเรื่องของกระจกหน้ารถที่เป็นคลื่น และเขาก็เคยบอกว่าขับรถชนเกาะกลางถนนแล้วถุงลมไม่ทำงาน โดยเรื่องกระจก สคบ.ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานผลิตภัณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรมตรวจสอบ พิจารณาเรื่องนี้ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และให้ สคบ.ประสานกับนายดีเอกและบริษัทโตโยต้า เพื่อถอดกระจกไปตรวจสอบและทดสอบที่สถาบันยานยนต์

นายจิระชัยกล่าวว่า สำหรับรายอื่นยังไม่พบว่าเข้ามาร้องเรียนที่ สคบ. และที่นายดีเอกกล่าวว่า สคบ.ไม่ช่วยเหลือโดยบอกว่าซื้อรถมาเกิน 1 ปีแล้ว ขอบอกว่า สคบ.ไม่ได้ดูเรื่องหลักเกณฑ์นี้ เมื่อมีเรื่องจะนัดคู่กรณีมาคุยกัน ตั้งแต่ปี 44 สคบ.ช่วยเหลือสำเร็จถึงร้อยละ 80 มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ไม่ใช่ว่าคดีหมดอายุความแล้ว สคบ.ไม่ฟ้องให้ ส่วนกรณีที่เจรจากันแล้วบริษัทรับซื้อคืนในราคามือสองนั้น รถเป็นสินค้าที่ใช้มา 2-3 ปีแล้วจะเรียกร้องให้ สคบ.บังคับบริษัทให้ซื้อคืนในราคาที่ซื้อมาคงไม่ถูกต้อง จากสถิติตั้งแต่ปี 44 การร้องเรียนเรื่องรถยนต์มีประมาณ 200-300 คัน แต่ปรากฏว่าเดือนก.พ.ปี 48 ปีเดียวมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาเกือบ 100 คันและจากเดือนก.พ.ถึงวันที่ 24 มี.ค.มีร้องเรียนเข้ามาแล้ว 70 คัน

อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงผู้บริโภคที่มีปัญหาเรื่องรถยนต์ว่า ถ้าต้องการให้ สคบ.ช่วยเหลือจะต้องเตรียมหลักฐานเอกสาร ศึกษาข้อมูลจากคู่มือในสลากสินค้าให้ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากเป็นเรื่องของเทคนิคเป็นส่วนใหญ่

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ชี้แจงกรณีนายดีเอกร้องเรียนว่า นายดีเอกได้รับรถจากผู้แทนจำหน่ายเมื่อวันที่ 25 เม.ย.45 ขณะนี้ผ่านการใช้งานมากว่า 62,000 ก.ม. ปัญหาที่ร้องเรียนคือพวงมาลัยไม่ตรง มีอาการดึงซ้ายเนื่องจากศูนย์ล้อเอียง ซึ่งบริษัทได้ปรับแต่งแก้ไขแล้ว ต่อมาลูกค้าร้องเรียนเรื่องกระจกบังลมหน้าเป็นคลื่น และถุงลมนิรภัยไม่ทำงานเมื่อเกิดการชน ซึ่งกรณีกระจกบังลมอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของสคบ.ร่วมกับสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม ส่วนกรณีถุงลมนิรภัยเซ็นเซอร์จะไม่ทำงานหากแรงกระแทกไม่เพียงพอ ส่วนกระจกบังลมหน้าบริษัทยินดีจะนำกระจกรถคันดังกล่าวส่งให้สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมตรวจสอบ เพื่อหาข้อเท็จจริง โดยระหว่างนี้ยินดีติดตั้งกระจกบานใหม่ให้ลูกค้า

นายวุฒิกรกล่าวว่า สำหรับกรณีนายธนกฤศ ซึ่งลูกค้าพบปัญหาซีลน้ำมันเครื่องรั่ว พวงมาลัยสั่นและเบรกมีเสียงดัง เพลาขับดังขณะเลี้ยว ทุกปัญหาทางบริษัทได้แก้ไขจนอยู่ในสภาพปกติ แต่ลูกค้าก็ไม่พอใจ และปฏิเสธข้อเสนอในการดูแลขอบริษัท ต้องการให้เปลี่ยนรถคันใหม่ให้อย่างเดียว

*******************************************************************************
พาเหรดร้อง"สคบ." 3 ราย"คัมรี-ตู้นิสสัน" ป้ายแดงปัญหายุบยับ

เจ้าของรถนิสสันเออร์แวน 2 คัน และโตโยต้าคัมรี พาเหรดร้องเรียน สคบ. ปัญหาเดิมๆ 2 รายแรกระบุซ่อมแหลก 1 ปี

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2548 ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) เวลา 15.00 น. นายองอาจ กองแสง ได้รับมอบหมายจากนายธีรยุทธ กองแสง เจ้าของรถตู้ยี่ห้อนิสสัน เออร์แวน รุ่น E25 ใหม่ หมายเลขทะเบียน อห 9339 กรุงเทพมหานคร มาจอดหน้าบริเวณ สคบ. โดยติดสติ๊กเกอร์รอบคัน มีข้อความว่า "ประกาศ ซื้อมาปีกว่า ลูกสูบระเบิด เครื่องยนต์พัง ซ่อม 35 รายการ" เพื่อต้องการให้บริษัทคืนเงินโดยไม่หักค่าเสื่อมในราคา 937,000 บาท

นายองอาจกล่าวภายหลังเจรจากับตัวแทนบริษัท สยามนิสสัน ออโต้ โมบิล จำกัด ว่า ซื้อรถคันดังกล่าว ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2546 ซึ่งตลอด 1 ปีที่ผ่านมาได้พบความผิดปกติหลายอย่าง จนต้องเสียเงินซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่ไปแล้ว 35 รายการ เป็นเงิน 210,000 บาท แบ่งเป็นค่าซื้ออะไหล่จากบริษัท 150,000 บาท และซื้ออะไหล่เพิ่มเติมเองอีก 60,000 บาท แต่อาการผิดปกติยังไม่หาย

"จากการเจรจากับทางบริษัทได้ปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ ผมจะนำรถไปฝังให้รู้แล้วรู้รอด โดยตอนนี้ยังหาสถานที่อยู่ว่าจะเอาไปฝังที่ไหน" นายองอาจกล่าว และว่า จากการพูดคุยกับผู้ที่ใช้รถรุ่นนี้พบว่ามีความบกพร่องเหมือนๆ กันหลายคัน ซึ่งสาเหตุที่เพิ่งมาร้องเรียนตอนนี้ เพราะปัญหาเริ่มรุนแรงขณะที่วิ่งได้ 70,000 กม.

รายงานข่าวแจ้งว่า วันเดียวกันนี้นายชลเดช ผลภาษี เจ้าของรถตู้นิสสัน เออร์แวน รุ่น E25 ใหม่ หมายเลขทะเบียน อห 7733 กรุงเทพมหานคร เข้าร้องเรียนต่อ สคบ. โดยให้เหตุผลว่าซื้อรถคันดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2546 และมีอาการผิดปกติตั้งแต่ยังเป็นป้ายแดง ซึ่งได้เปลี่ยนวาล์วและคลัตช์ไปแล้วอย่างละ 2 ครั้ง นอกจากนี้ปั๊มน้ำแตก ตัวรถมีเสียงดัง ขณะนี้วิ่งไปแล้ว 170,000-180,000 กม. โดยสคบ.เรียกมาเจรจาในวันที่ 24 มีนาคม 2548 นี้

วันเดียวกัน นางสาวจุฑามาศ(ไม่เปิดเผยนามสกุล) อายุ 30 ปี ได้ขับรถยนต์โตโยต้า คัมรี ป้ายแดง เลขทะเบียน ก-0195 ชลบุรี มาจอดประท้วงที่หน้า สคบ.เช่นกัน โดยติดสติ๊กเกอร์ที่รถยนต์ ข้อความว่า "ผลิตรถห่วย ไฟเก๋ง หลังคาหลุด เครื่องยนต์สะดุดดับ คันเร่งเหยียบตื้อ ภายในรถกุกกัก มีเสียงลมเข้า คอนโซลดัง หน้าปัดรถดัง ลิ้นชักดัง ซ่อม 7 ครั้งแก้ปัญหาไม่ได้ แอร์เหม็นอับ รถคันนี้เสียหายตั้งแต่ออกจากโชว์รูม โตโยต้าว่าไง"

นางสาวจุฑามาศกล่าวว่า ต้องการให้บริษัทโตโยต้ารับซื้อรถคืนหรือเปลี่ยนคันใหม่ เนื่องจากซื้อรถมาตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2547 ในราคา 1.135 ล้านบาท แต่ใช้งานเพียงสองสัปดาห์ รถก็มีปัญหามากมาย เช่น เครื่องยนต์สะดุด หลังคามีเสียงตลอด คันเร่งวืดไม่มีแรงและเครื่องดับ เป็นต้น ซึ่งเบื้องต้นได้เข้าอู่ซ่อมมาแล้ว 7 ครั้ง แต่ทุกรายการแก้ไม่หาย

นางสาวจุฑามาศกล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2548 ได้ร้องเรียนที่ สคบ.แต่ตัวแทนของบริษัทโตโยต้ากลับไม่สนใจ และระยะเวลาผ่านมากว่า 1 เดือนแล้วยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน จึงเรียกร้องให้บริษัทมีความรับผิดชอบโดยการคืนเงินดาวน์จำนวน 500,000 บาท และเงินผ่อน 4 งวดๆ ละ 11,000 บาท หรือเปลี่ยนรถคันใหม่ให้

***********************************************************************************************************

เห็นหรือยังครับความบกพร่องในการผลิต ในการประกอบรถทำให้ผู้ใช้เสียความรู้สึกขนาดไหน

นี่คงเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น สสำหรับผุ้ใช้รถบางคนจะไม่ซีเรียส ก็ซ่อมไป มันสั่นมันคลอนก็ทนใช้ไป หรือไม่ก็ขายทิ้งไปถูก ๆ

**********************************************************************************************************

นิยายเรื่องยาวเรื่องนี้มีต่อครับ เป็นเรื่องของบทบาท สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
*****************************************************************************************************

จากจำนวนรถที่จำหน่ายออกไปมากมาย ลูกค้าอาจพบปัญหาที่แตกต่างกันไป
นอกจากปัญหาการทุบรถฮอนด้าแล้วสินค้าอื่น ๆ ก็มีปัญหาเหมือนกัน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่มองไปที่หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคว่ามัวทำอะไรอยู่ สามารถแก้ปัญหาได้ในระดับไหน

ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ถูกมองว่าเป็น "เสือกระดาษ" ไม่มีบทบาทจัดการดับทุกข์ให้กับผู้ร้องเรียนได้ แต่ภายหลังเกิดเหตุปฏิบัติการ "ทุบรถ CRV ป้ายแดงโชว์" ของ น.ส.เดือนเพ็ญ ศิลาเกษ จึงทำให้ สคบ.เริ่มขยับปรับบทบาทมากขึ้นว่า เป็นหน่วยงานที่พึ่งพิงของผู้บริโภคที่ถูกเอารัดเอาเปรียบได้
ปฏิบัติการ "ทุบรถป้ายแดงโชว์" เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชาวบ้านในฐานะผู้บริโภคที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ หันหน้าเข้าไปพึ่งหวังจะได้รับความยุติธรรม แต่ยังมีเรื่องราวมากมายที่ สคบ.ได้รับการร้องเรียนให้ช่วยเหลือเพราะไม่ได้รับความยุติธรรม

10 อันดับข้อร้องเรียนของ สคบ.ในปี 2547

อันดับ 1
ที่ได้รับการร้องเรียนคือปัญหาโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีประชาชนร้องเรียนถึง 331 ราย โดยปัญหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเรียกเก็บค่าบริการโทรศัพท์เกินความเป็นจริงที่ได้ใช้ไป ปัญหาการถูกแอบอ้างชื่อไปซื้อ โทรศัพท์มือถือแบบรายเดือนแล้วมีบิล มาเรียกเก็บที่บ้านเป็นจำนวนมาก ซื้อโทรศัพท์ใหม่มาแต่ใช้งานไม่ได้ เป็นต้น

อันดับ 2 เป็นปัญหาเกี่ยวกับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ด้วยจำนวนผู้ร้องเรียนถึง 300 ราย ในปีที่ผ่านมา ปัญหาไม่พ้นการซื้อรถใหม่แต่รถเกิดชำรุดบกพร่อง ต้องซ่อมตั้งแต่ซื้อมาเพียงสัปดาห์เดียว นอกจากนั้นยังมีปัญหาเรื่องของศูนย์บริการรับซ่อมรถยนต์ที่ให้บริการไม่มาตรฐาน ซ่อมแซมไม่ดี ปัญหาเรื่องสัญญาจองรถที่ไม่เป็นธรรม
ปัญหานี้ สคบ.จะดำเนินการติดต่อกับบริษัทตัวแทน จำหน่ายรถยนต์เพื่อมาเจรจา ก็แล้วแต่กรณีว่าจะมีการตกลงกันอย่างไร บางกรณีบริษัทจะรับซ่อมและเปลี่ยนเครื่องยนต์ บางกรณีก็เปลี่ยนรถคันใหม่หรืออาจจะรับซื้อคืนโดยการหักค่าเสื่อมสภาพไปตามอายุการใช้งาน

อันดับ 3
เรื่องการจองเครื่องปรับอากาศหรือแอร์เอื้ออาทร มีปัญหามาก มีผู้ร้องเรียนจำนวน 235 ราย กรณีนี้มีผู้บริโภคมาร้องเรียนว่าได้ไปซื้อแอร์ที่มีผู้มาจัดงาน "แอร์เบอร์ 5 เอื้ออาทร" เมื่อทำสัญญาซื้อแอร์แล้ว ทางบริษัทไม่มาติดตั้งแอร์ตามสัญญาและไม่จ่ายเงินคืน ทาง สคบ.ได้เรียกบริษัทมาชี้แจง และขณะนี้สามารถคืนเงินให้กับผู้ร้องเรียนได้แล้ว 70 ราย

อันดับ 4
เป็นปัญหาเกี่ยวกับราคาสินค้า ผู้บริโภคร้องเรียนเข้ามาจำนวน 87 ราย ปัญหาร้านค้าขายสินค้าราคาแพงเกินไป หรือไม่ติดฉลากบอกราคาสินค้า และการแสดงราคาสินค้าไม่ตรงกับฉลาก สคบ.แก้ปัญหาโดยติดต่อกับกรมการค้าภายใน เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องราคาสินค้าทั้งหมด เพื่อให้ร้านค้าปรับปรุงราคาสินค้าให้ตรงตามราคาปัจจุบัน และติดฉลากราคาสินค้าให้ถูกต้อง

อันดับ 5
เกี่ยวกับการใช้บริการธนาคาร จำนวน 56 ราย ปัญหาเหล่านี้จะเป็นปัญหาการใช้บัตรเครดิต การบริการตู้เอทีเอ็ม ปัญหาการคิดอัตราดอกเบี้ย เช่น บัตรหายอายัดบัตรแล้วแต่เงินหายไปจากบัตร กดเงินแล้วเงินไม่ออก แต่เงินหายไปจากบัญชี หรือมีคนอื่นนำบัตรปลอมมากดเงินออกจากบัญชี

อันดับ 6
เกี่ยวกับการจ้างศูนย์บริการพี่เลี้ยงเด็กหรือแม่บ้าน จำนวน 50 ราย เป็นปัญหาที่ผู้ร้องเรียนได้ไปติดต่อกับศูนย์หาแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงเด็กมาทำงานที่บ้าน ซึ่งต้องมีการจ่ายค่ามัดจำให้กับศูนย์ แต่ปรากฏว่าพี่เลี้ยงที่ได้จ่ายเงินไปแล้วหนีไป เมื่อกลับไป ติดต่อกับทางศูนย์ต้นสังกัดก็ได้รับการปฏิเสธและไม่ยอมคืนเงินมัดจำ ทาง สคบ.ก็ได้นัดมาเจรจาและให้ชดใช้ค่าเสียหาย

อันดับ 7
เกี่ยวกับการทำสัญญาประกันชีวิตหรือประกันภัย จำนวน 43 ราย ซึ่งจะเป็นกรณีที่ผู้ร้องเรียนส่วนมากจะมีปัญหาเกี่ยวกับทางบริษัทประกันไม่จ่ายเงินประกัน ซึ่งมักจะอ้างว่าไม่จ่ายเพราะผู้ถือประกันปกปิดข้อมูล อย่างเช่นปกปิดเรื่องโรคต่างๆ

อันดับ 8
เกี่ยวกับการสั่งจองอาวุธปืน จำนวน 22 ราย คือการสั่งจองอาวุธปืนแล้วไม่ได้รับสินค้า

อันดับ 9 เ
กี่ยวกับการทำสัญญาใช้บริการจำกัดปลวก จำนวน 18 ราย ปัญหาของบริษัทกำจัดปลวกมักจะทำสัญญาเป็นรายปี หรือ 3 ปีแต่เมื่อผู้บริโภคเรียกใช้งานก็ไม่มา หรือบางรายก็ปิดบริษัทหนีไปเลย ซึ่งทาง สคบ.ได้พยายามติดต่อบริษัทเหล่านี้เพื่อมาเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย

อันดับ 10
เกี่ยวกับการใช้บริการน้ำดื่ม จำนวน 17 ราย ซึ่งเป็นกรณีปัญหาไม่คืนค่ามัดจำถังน้ำ และปัญหาน้ำดื่มไม่สะอาด มีสิ่งเจือปน

10 อันดับปัญหาร้องเรียนเหล่านี้ กลายเป็น "บทพิสูจน์" ว่า สคบ.จะปรับบทบาทให้พ้นการถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเพียง "เสือกระดาษ" ได้หรือไม่ ในขณะที่ "ปฏิบัติการทุบโชว์-เผาโชว์" กำลังกลายเป็นกระแสนิยม (ขณะนั้น เมื่อ2 ปีก่อน) หรือเป็นทางออกเพื่อระบายความคับข้องใจข้องผู้ซื้อที่รู้สึกผิดหวัง หรือเกิดความไม่พึงพอใจในสินค้า จนกว่าจะได้รับการแก้ไขกฎหมายให้รัดกุมกว่านี้
************************************************************

กรมสรรพสามิตตรวจสอบเข้ม เพื่อรักษาผลประโยชน์ในผู้ใช้รถ
ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2547 ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตแจ้งว่าเตรียมเข้าตรวจราคารถยนต์หน้าโรงงาน เพื่อให้แน่ใจว่าราคาขายเป็นธรรมต่อผู้บริโภค และพร้อมออกมาตรการลงโทษหากพบว่ามีการเอาเปรียบผู้บริโภค หลังจากก่อนหน้านี้ได้ปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์โดยรวม ลดจากร้อยละ 35 เหลือร้อยละ 30 ซึ่งราคารถก็น่าจะลดลงตามไปด้วย

************************************************************

นั่นแหละความวุ่นวายเมื่อ 2 ปีก่อน ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้มีใครคิดจะทุบรถเผารถอีกไหม !?

ในเมืองไทยผู้ผลิต ผู้ขายรถยังไม่เคยเรียกรถท่ีบกพร่องกลับเข้าไปแก้ไขมากมายเหมือนข่าวช่วงต้น ๆ หรือว่าของไทยเจ๋วกว่ารถท่ีผลิตในประเทศญี่ปุ่นเจ้าตำหรับ ? รถทุกคันท่ีขายไปดีหมด !!

*************************************************************

สำหรับท่านท่ีอยากร้องเรียนเรื่องรถไม่เข้าท่า ลองศึกษาตรงนี้ก่อน

*************************************************************

รถใหม่พัง ร้องจนคอแห้ง...(ไม่)รับรองผล !?
ขณะนี้ท่านเจ้าของรถใหม่ที่มีปัญหาสารพัด เกิดความหงุดหงิดเกินกว่าจะอดทนกล่ำกลืนใช้อีกต่อไป กำลังจะมีทางออก ไม่ว่าจะเป็นอาการรถเหม็น รถสั่น เบรกปัด เกียร์ขัดข้อง ระบบไฟมีปัญหา สตาร์ตติดบ้างไม่ติดบ้าง
หรือขับไปดี ๆ เครื่องยนต์ดับกะทันหันแถมรถล็อคตายขังไว้ให้ห้องโดยสาร หากเป็นที่เปลี่ยวมีหวังแห้งตายได้ง่าย ๆ ที่ร้ายแรงอีกอย่างจอดอยู่เฉย ๆ เกิดไฟช็อต ไฟไหม้ขึ้นมาจนใช้ต่อไปไม่ได้
ความไม่พึงพอใจในรถยนต์ที่ซื้อใหม่ทั้งหลายท่านสามารถร้องเรียนได้ จะได้ผลหรือไม่ประการใดก็ต้องลองดู ดีกว่าอยู่เปล่า ๆ หากขับรถไปประท้วงดีไม่ดีโดนกระทืบจะเจ็บตัวเปล่า ประเทศไทยยุคมาเฟียยั้วเยี้ย ก็ต้องป้องกันตัวไว้ก่อน
ผู้ใช้รถใหม่ที่อกหัก เนื่องจากผู้ขายไม่รักกันจริง สามารถร้องเรียนผ่านทางอีเมล์ก็ได้ ทางจดหมายก็ดี แต่ไม่รับรองผลว่าท่านจะสมหวังทั้งหมด เพราะแต่ละแห่งแต่ละยี่ห้อมีเงื่อนไขยุบยับ เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคที่หละหลวมยังคงเดิม รัฐบาลที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จกำลังคิดจะแก้
คงไม่ง่ายนักที่ผู้ใช้รถเมืองไทยจะมีโอกาสได้รับความคุ้มครองอย่างยุติธรรม
ต้องรอพิสูจน์ความจริงใจในการแก้ปัญหาจากรัฐบาลทุนนิยมสุดขั้วชุดนี้กันต่อไป
ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนด้านคุณภาพยานยนต์
แนวทางการรับข้อร้องเรียน
ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนด้านคุณภาพยานยนต์ ได้เปิดรับบริการรับข้อร้องเรียน ข้อปัญหาต่างๆ ด้านคุณภาพยานยนต์โดยเฉพาะเพื่อรองรับปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ที่มีผู้ซื้อรถยนต์ใหม่แล้วพบข้อบกพร่องของรถยนต์ แต่ไม่สามารถเจรจาตกลงกับตัวแทนจำหน่ายหรือบริษัทผู้ผลิตได้ มุ่งเน้นรถที่อยู่ในช่วงรับประกัน ของบริษัทฯ ผู้ผลิตซึ่งรถดังกล่าวเกิดปัญหาขึ้น และไม่สามารถตกลงกันได้ตามการรับประกัน นั้นโดยใช้ข้อตกลงในการรับประกัน (Warranty Agreement) เป็นแนวทาง
ซึ่งแต่ละรายจะกำหนดระยะทางการรับรองแตกต่างกันระหว่าง 20,000 - 100,000 กิโลเมตร แต่หากไม่มีการกำหนดไว้หรือกำหนดไว้ต่ำ ให้ถือว่ารถใหม่ หมายถึง รถที่ส่งมอบไม่เกิน 12 เดือน และใช้งานระยะทางไม่เกิน
20 ,000 กิโลเมตร เป็นแนวทาง พนักงานของศูนย์ฯ จะสอบถามรายละเอียดข้อปัญหาที่เกิดขึ้น และบันทึกไว้ในแบบรับข้อร้องเรียน พนักงานของศูนย์ฯ จะประสานงานไปยังศูนย์รับข้อร้องเรียนของบริษัทฯ ผู้ผลิต บริษัทฯ ผู้ผลิต จะประสานงาน ตรวจสอบ แก้ไข ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น หากการเจรจายังไม่สามารถตกลงกันได้ ให้แจ้งเรื่องมาที่คณะกรรมการวินิจฉัยคุณภาพยานยนต์ เพื่อดำเนินการต่อไปได้เปิดรับบริการมาตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2548

สถานที่ (ชั่วคราว)
สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
โดยแจ้งด้วยตนเอง ณ ที่ทำการชั่วคราว
สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2202 3301 - 4
โดยแจ้งทาง E-mail : auto@tisi.go.th


แบบฟอร์มรับข้อร้องเรียนด้านคุณภาพรถยนต์
เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการ โปรดกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนสมบูรณ์
ข้อมูลผู้แจ้งที่สามารถติดต่อกลับได้
ชื่อ-นามสกุล *
ที่อยู่ *
จังหวัด ... (เลือกจังหวัดของท่าน) กระบี่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นครพนม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี นราธิวาส น่าน บุรีรัมย์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พังงา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ ภูเก็ต มหาสารคาม
มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ร้อยเอ็ด ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระแก้ว สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุบลราชธานี
โทรศัพท์:
E-mail:
รายละเอียดเจ้าของรถ (ในกรณีที่เจ้าของรถเป็นคนเดียวกับผู้แจ้ง ไม่ต้องกรอกข้อนี้)
ชื่อ-นามสกุล *........... ที่อยู่ .......... จังหวัด .........
โทรศัพท์:
E-mail:
รายละเอียดรถยนต์
ยี่ห้อ * โปรดเลือก ... ALFA ROMEO AUDI BENTLEY BMW CHEVROLET CITROEN DAEWOO FERRARI FORD JAGUAR JEEP HONDA HYUNDAI ISUZU KIA LAND ROVER LONDON TAXI LAMBORGHINI MASARATI MAZDA MERCEDES BENZ MITSUBISHI NISSAN PEUGEOT PORSCHE ROLLS ROYCE SAAB SMART SEAT SKODA SSANGYONG SUBARU SUZUKI TOYOTA VOLKSWAGEN VOLVO WULING
รุ่น
ทะเบียนรถยนต์
หมายเลขตัวถัง
วันเดือนปี ที่ซื้อ
ระยะทางที่ใช้ (กม.)
รายละเอียดตัวแทนจำหน่าย
ชื่อตัวแทนจำหน่าย *............ ที่อยู่ หรือ สาขา............จังหวัด .................
บุคคลที่ติดต่อ
โทรศัพท์:
หมายเหตุ

รายละเอียดศูนย์บริการที่เข้ารับบริการล่าสุด
ชื่อศูนย์บริการ................ที่อยู่ หรือสาขา..................จังหวัด ...............

บุคคลที่ติดต่อ
โทรศัพท์:
หมายเหตุ
ข้อร้องเรียน
ข้อบกพร่องที่พบ : *
(หากสามารถแยกเป็นข้อย่อย ให้แยกเป็นข้อให้ชัดเจน)

การดำเนินการแก้ไขเบื้องต้น :
(การแก้ไขในแต่ละข้อบกพร่อง ศูนย์ที่ให้บริการ จำนวนครั้งที่เข้า การบริการที่ได้รับ)
ความต้องการให้ดำเนินการ

เมื่อเขียนเรียบร้อยแล้วก็ส่งเอกสารร้องเรียนได้เลย หากเป็นอีเมล์ เจ้าหน้าที่ก็สามารถอ่านได้ทันที ท่านจะได้รับการตอบสนองที่ดีหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กัน...ท่านที่มีปัญหา ต้องการเช่นไร ก็เขียนแจ้งไป อาจจะระบายอารมณ์ไปด้วยก็ได้ เจ้าหน้าที่เขาชินเสียแล้ว ไม่มีใครว่าแน่นอน
เรื่องสำคัญ ๆ อย่างนี้ รัฐบาลนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ดูแค่สถานที่รับแจ้งก็เป็นสถานที่ชั่วคราว
ก็ต้องทำใจ จะเอารถไปเผาทิ้งก็เป็นของราคาแพง หลายคันยังผ่อนไม่หมด แค่ทำท่าจะเผาตำรวจก็เตรียมแจ้งข้อหาเตรียมจับกุมฐานทำให้เกิดความโกลาหนวุ่นวาย ดีไม่ดีเกิดไฟลุกลาม ก็มีหวังติดคุกหัวโต
ไม่มีอะไรอบอุ่นเลยหรือไร !?