11 ส.ค. 2550

25 ปีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ C-Class















25 ปีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ C-Class จาก”เบบี้เบนซ์”สู่รถยนต์ที่จำหน่ายขายดีที่สุด
*************************************

กรุงเทพมหานคร -- นับเป็นเวลากว่า 25 ปีมาแล้วที่ทีมวิศวกรเมอร์เซเดส-เบนซ์มีแนวคิดที่ต้องการออกแบบรถยนต์นั่งให้มีความ “กระทัดรัด” แต่ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์จนกลายเป็นที่มาของคำที่พวกเราคุ้นหูว่า “เบบี้ เบนซ์” ก่อนที่จะเปิดตัวเสียอีก และนั่นคือจุดเริ่มต้นและเป็นที่มาของการเปิดตัวรถยนต์รุ่น 190 ในรหัส W 201 ในปี ค.ศ. 1982 ซึ่งถือได้ว่าเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นแรกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดรถยนต์นั่งแบบพรีเมี่ยมคลาสระดับกลาง จากจุดเริ่มต้นดังกล่าวนั้นได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งในด้านของความนุ่มนวลสะดวกสบาย และคุณภาพเช่นเดียวกับความสวยงามของรูปลักษณ์ ซึ่งล้วนเป็นมาตรฐานที่ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกคนได้รับ ขณะที่ด้วยตัวของเมอร์เซเดส-เบนซ์เองก็ได้รับการยอมรับกันโดยทั่วไปในฐานะผู้นำเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำหน้า อาทิ ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบมัลติ-ลิ้งค์ เป็นต้น การเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้าเป็นสิ่งที่ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ไม่เคยหยุดนิ่ง และผลจากความพยายามคิดค้นและพัฒนาของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งผลให้รุ่น 190 สามารถทำยอดจำหน่ายได้มาก กว่า 1.9 ล้านคันภายในเวลาเพียง 10 ปี

รุ่นต่อมาเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ในรหัส W 202 ที่เปิดตัวในปี 1993 ก็เป็นรุ่นหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ ไม่แพ้รุ่นก่อนหน้านี้ ด้วยระยะเวลาที่รวดเร็วเพียงแค่เจ็ดปี และต่อมาได้มีการเรียกขานโมเดลรุ่นนี้ว่า “C-Class” เป็นครั้งแรกและเรียกรวมไปถึงรุ่นเอสเตทที่ออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี 1996 อุปกรณ์ตกแต่งเริ่มมีให้เลือกอย่างหลากหลายมากขึ้นทั้งในด้านของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ติดตั้งพิเศษเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่มีความแตกต่างหลากหลายมากขึ้น

เจนเนอเรชั่นต่อมาของ C-Class (รหัส W 203) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2000 ด้วยรูปลักษณ์ที่มีความสปอร์ตมากกว่า และมีโคมไฟหน้าสี่ดวง ในปีเดียวกันนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เปิดตัว C-Class ในสไตล์สปอร์ตคูเป้เป็นครั้งแรก ยิ่งทำให้มียอดจำหน่ายมากกว่า 2 ล้านคัน และมากกว่า 2 รุ่นก่อนหน้านี้มาก ส่งผลให้ C-Class กลายเป็นรถยนต์รุ่นที่ขายดีที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์

ตลอดช่วงระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมาเมอร์เซเดส-เบนซ์ C-Class ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะที่หลากหลายสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้รถภายใต้รูปลักษณ์ของรถยนต์นั่งแบบคอมแพคซาลูน สปอร์ตคูเป้เช่นเดียวกับความอเนกประสงค์ในแบบเอสเตท รวมถึงเทคโนโลยี่ที่เยี่ยมยอดจากสนามแข่งขันความเร็วในแบบทัวริ่งคาร์ซึ่งประสบความสำเร็จได้ตำแหน่งชนะเลิศทั้งในประเภทผู้ผลิต และนักแข่งยอดเยี่ยม



รหัสรุ่น W 201 (ปี ค.ศ. 1982 –1993)

เมอร์เซเดส-เบนซ์เปิดตัวรุ่น 190 ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1982 รถยนต์นั่งในแบบซาลูนจากรหัสรุ่น W 201 ได้รับการถ่ายทอดคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั้งในด้านของความนุ่มนวลสะดวกสบายและคุณภาพเช่นเดียวกับรูปลักษณ์ภายนอกและความรู้สึกที่ก้าวข้ามขั้นไปสู่รถยนต์นั่งขนาดกลาง 190 ให้ความประทับใจในด้านของเทคโนโลยี่เช่นการใช้ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบมัลติลิ้งค์ โช้คอัพแบบสตรัทในระบบกันสะเทือนด้านหน้าซึ่งให้การตอบสนองต่อการขับขี่อย่างยอดเยี่ยมทั้งในด้านของการบังคับควบคุมและความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ การลดน้ำหนักตัวรถจากการใช้เหล็กกล้าที่มีความแข็งแกร่งสูงผสมผสานกับการออกแบบตามหลักแอโร่ไดนามิคที่ให้ทั้งความสวยงามและการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ

ในด้านของความปลอดภัยเชิงปกป้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุอยู่ในระดับสูงสุดด้วยเช่นกันต้องขอบคุณการออกแบบให้ไม่มีโครงสร้างชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ ที่จมูกด้านหน้าของตัวรถ กำลังในการขับเคลื่อนได้มาจากเครื่องยนต์ 4 สูบซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกได้ระหว่างเครื่องยนต์ที่ให้กำลังแรงม้า 90 แรงม้าหรือ 122 แรงม้า วิศวกรของเมอร์เซเดสใช้ระบบหัวฉีดน้ำมันเบนซินที่ควบคุมด้วยระบบกลไกอิเลคทรอนิคสำหรับในรุ่น 190 E ที่มีพละกำลังมากขึ้น และมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 8.3 ลิตรต่อระยะทาง 100 กม. ในโมเดล 190 นี้มีเครื่องยนต์ดีเซลให้เลือกใช้ด้วยเช่นกันโดยที่ 190 D ได้รับการเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า “the whispering diesel” สำหรับ 190 E 2.3-16 เป็นการส่งสัญญาณการเริ่มต้นของยุคใหม่ ยุคของยานยนต์ที่มีความเป็นสปอร์ตคาร์ จากการใช้เครื่องยนต์ 4 วาล์วต่อสูบที่เต็มไปด้วยสมรรถนะจึงเป็นรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นแรกที่มีสปอยเลอร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและการทรงตัวเมื่อใช้ความเร็วสูง

รหัสรุ่น W 202 (ปี ค.ศ. 1993 – 2000)

ในปี 1993 เริ่มมีการใช้ชื่อ C-Class อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกกับรถรุ่นรหัส W 202 และเป็นครั้งแรกที่เริ่มนำเสนอรูปแบบของการดีไซน์และอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือกถึง 4 แบบด้วยกันคือ CLASSIC, ESPRIT, ELEGANCE และ AVANTGARDE ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้รถที่มีความแตกต่างกันเป็นบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวมากที่สุด และเป็นผู้บุกเบิกให้กับทางเลือกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์โมเดลอื่น ๆ อีกด้วย จากรูปลักษณ์ภายนอกที่เพิ่มมิติของตัวรถให้มีขนาดใหญ่ทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วย ขณะที่ราคาจำหน่ายมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อุปกรณ์มาตรฐานต่าง ๆ มีให้มากขึ้นเช่นถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่, การป้องกันการปะทะทางด้านข้าง พวงมาลัยเพาเวอร์ ระบบเบรก ABS และระบบเซนทรัลล๊อคเป็นต้น สำหรับรถเอสเตท W 202 เริ่มออกจำหน่ายในปี ค.ศ. 1996

ในโมเดลนี้เครื่องยนต์ดีเซลได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น เป็นรถยนต์นั่งที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 วาล์วต่อสูบเป็นรุ่นแรกของโลกและยังมาด้วยครั้งแรกของเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบอินเตอร์คูล หัวฉีดไดเรคอินเจคชั่นพร้อมเทคโนโลยี่ของระบบคอมมอนเรลในปี 1997 นอกจากนี้ยังถือเป็นการกลับมาอีกครั้งของเครื่องยนต์เบนซินหลังจากที่หายไปเกือบ 50 ปีเมื่อมีการใช้ระบบคอมเพรสเซอร์ในรุ่น C 230 KOMPRESSOR ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกันคือการเพิ่มสมรรถนะทางด้านแรงม้าขณะที่ลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงนั่นเอง

รหัสรุ่น W 203 (ปี ค.ศ. 2000 – 2007)

W 203 เปิดตัวในปี ค.ศ. 2000 ด้วยการออกแบบไฟหน้าแบบ four-eye ซึ่งกลายมาเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ C-Class เจนเนอเรชั่นที่สามนี้ นอกเหนือไปจากความยอดเยี่ยมทางด้านความปลอดภัย ความนุ่มนวลสะดวกสบายและความไว้วางใจได้แล้ว C-Class เจนเนอเรชั่นที่สามนี้ยังมีความคล่องแคล่วปราดเปรียวในแบบสปอร์ตคาร์ซึ่งทำให้เกิดความแตกต่างจากรถยนต์นั่งแบบซาลูนทั่วไปอย่างแท้จริง อุปกรณ์มาตรฐานของ W 203 ประกอบด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี่อย่างมากมาย ซึ่งประกอบด้วยกล่องรับแรงปะทะทำจากเหล็กกล้าที่มีความแข็งแกร่งสูงทางด้านหน้า ช่วงล่างด้านหน้าแบบ 3-ลิ้งค์รุ่นใหม่พร้อมแมคเฟอร์สันสตรัท หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 6 จังหวะ เป็นต้น มีเครื่องยนต์รุ่นใหม่หรือพัฒนาขึ้นใหม่ให้เลือกถึง 7 รุ่น กำลังแรงม้าเพิ่มมากขึ้นกว่า 20% ขณะที่ความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงระดับความยอดเยี่ยมอยู่เช่นเดิม

ใน ปี ค.ศ. 2000 เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เปิดตัว C-Class Sports Coupé เป็นครั้งแรก ตามด้วยเอสเตทในปี ค.ศ. 2001 และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่มีการนำระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC มาใช้กับ C-Class และจากทางเลือกที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้รถ

เรื่องราวทั้งหมด คือเครื่องพิสูจน์ว่าเพราะเหตุใด เมอร์เซเดส-เบนซ์ C-Class จึงเป็นโมเดลรุ่นที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนมากมายทั่วโลก และมียอดจำหน่ายสูงที่สุดในบรรดารถยนต์นั่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั้งหมด
______________________________________________________________

Website: www.mercedes-benz.co.th