4 ส.ค. 2550

ขึ้นรถ ลงเรือ ไปสยามพารากอน






เย็นวานนี้ออกจากบางกะปิ ไปท่าเรือที่วัดศรีบุญเรือง ขึ้นเรือโดยสารแบบดั้งเดิม ไม่มีชานท้ายให้ก้าวเดินอย่างเรือด่วนเจ้าพระยา ใช้วิธีเหยียบกราบเรือเข้าไปนั่งสไตล์เรือหางยาว จากต้นทางถึงประตูน้ำ 18 บาท 30 นาที

แม้ไม่มีการจารจรติดขัดแบบถนนในชั่วโมงเร่งด่วน แต่ต้องจอดเทียบท่าต่าง ๆ เป็นสิบ ๆ ท่า เพื่อรับส่งผู้โดยสาร ที่กำลังกลับจากที่ทำงานกัน คึกคักมาก

ผู้ที่ใช้เรือแบบนี้ประจำจะก้าวขึ้นลงอย่างชำนาญ มีเพื่อนบ้านท่านหนึ่งขนาดท้องแก่ยังไปเรือทุกวันจนใกล้คลอด

แม้น่าหวาดเสียว แต่มันจำเป็น เรือที่ฝ่าน้ำเน่าไปเป็นเรือขนาดเขื่อง บรรจุผู้โดยสารได้เป็นร้อย

เนื่องจากมีเวลาจำกัดต้องทนนั่งดมกลิ่นน้ำเน่าคลองแสนแสบไปถึงประตูน้ำ ปลายทางอยู่ตรงสะพานใกล้ ๆ เซ็นทรัล

ขึ้นจากเรือ เดินไปตามทางเท้าที่เกะกะ ที่ กทม.ให้ขายของได้ตามจุดผ่อนผัน ทำให้คนเดินทางเท้าต้องล้นออกไปเดินบนถนน

เรื่องนี้ต้องทบทวน

เป็นภาพพจน์ไม่ดี เข้าข่ายเลวร้าย ในสายตานักท่องเที่ยว ที่สร้างรายได้เข้าประเทศอันดับต้น ๆ เดี๋ยวพวกเขาจะรำคาญ

จากนั้นข้ามสะพานลอย เดินผ่านเทพ 2 องค์ ที่คุ้นเคยคือพระสยามเทวาธิราชจำลอง กับเทพของศิลปินที่มีเศียรเป็นช้าง คือพระพิฆเนศ นั่นเอง

เทพทั้งสองอยู่ใกล้ ๆ กัน มีชาวบ้านที่เดินผ่านไปมา จุดธูปสัการะตามความเชื่อที่หลากหลายของประเทศเสรี

เดินไปเรื่อย ๆ ก่อนเข้างานฝ่านประตูด้านทิศใต้ของสยามพารากอน มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจค้นกระเป๋าผู้คนที่เข้าไปในอาคารด้วย แถมมีซุ้มเครื่องตรวจจับโลหะที่ต้องเดินผ่านทุกคนอีกต่างหาก

ก็เป็นผลจากการก่อการร้ายที่เคยมีการวางระเบิดใน กทม.นั่นเอง

แล้วก็ถึงบริเวณงาน Parc Paragon เป็นลานโล่ง ชั้นล่างสุด นอกอาคารสยาม พารากอน เป็นเวทีโชว์รถ และมีแฟร์ชั่น จากนายแบบดังหลายคน